นี่แหละที่เรียกว่าคราวซวย! สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู บุกพ่าย อาร์เซน่อล

แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คงต้องบอกว่าแพ้อีกแล้วนะครับ แม้ว่าทางทีมจะต้องการ 3 แต้มสำคัญเป็นอย่างยิ่งก็ตาม เท่ากับว่า 5 นัดล่าสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว เสมอ 1 นัด และปราชัย 3 นัด ยิงได้เพียง 5 ประตู โดนไปไม่มาก แค่ 11 ดอกเท่านั้นเอง 1. หลังจากที่ตัวเขานั้นกลายเป็น ‘ตัวตลก’ อย่างสมบูรณ์แบบ ลงเล่นเมื่อไหร่ความบรรลัยมาเยือนเมื่อนั้นจนบ้านเกือบบึ้มส์ เพราะถูกขู่วางระเบิด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จึงได้ถูกจับไปนั่งอยู่อยู่ข้างสนาม อีกทั้งทาง ราฟาแอล วาราน ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาพอดีได้ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฯ คู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ แดนกลางที่ไม่มี ปอล ป๊อกบา ที่ปิดเทอมล่วงหน้าเรียบร้อย แต่ได้ สก๊อตต์ แม็คทอมิเนย์ กลับมายืนเป็นตัวรับคู่กับ เนมานย่า มาติช ในขณะที่ เฟร็ด ยังไม่ยอมหายป่วยหน้าแข้ง ส่วนกองหน้าต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ […]
ลอนดอน … สรวงสวรรค์หรือหนทางสู่นรก

คงต้องบอกว่านี่เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล ได้แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นและเหนือกว่าคู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการเปิดบ้านไล่ถล่ม 4-0 แบบชนิดที่สู้ไม่ได้เลย มันคือการตอกย้ำว่านี่คือยุคของ เยอร์เกน คล็อปป์ และพลพรรค หงส์แดง (รวมไปถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ในการประกาศศักดาบนเวทีพรีเมียร์ลีก ส่วน ปิศาจแดง ก็คงเป็นได้แค่เพียงลูกไล่ที่นับวันยิ่งห่างไกลกับทีมหัวตาราง ความบอบช้ำ บาดแผล และร่องรอยของการโดนกระทำจากนัดที่ผ่านมาจะยังคงปรากฏและหลอกหลอนบรรดาแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป เพราะมันคือความพ่ายแพ้หลังจากที่เกมเริ่มได้แค่เพียง 5 นาทีเท่านั้น มันคือการปราชัยที่เกิดขึ้นหลังจากเริ่มเกมไปแค่ 5 นาที ซึ่งวินาทีที่ หลุยส์ ดีอาซ ได้ส่งบอลเข้าประตูไปทำให้ทุกอย่างดูเหมือนที่จะจบลงทันทีในเกมนั้น มันคือการเสียประตูจากการขึ้นเกมง่ายๆ ที่เล่นงานแนวรับ ผีแดง ไม่ต่างจากผู้ใหญ่รังแกเด็ก สีหน้าท่าทางกำลังใจที่เตรียมตัวกันหรือชัยชนะเหนือ นอริช ก็ได้มลายหายไปในพริบตา และยิ่งไปกว่านั้นมั่นยังเป็นการตอกย้ำกับการครองเกมเหนือกว่าชนิดที่โดนแซวว่านักเตะ ผีแดง ทั้งทีมยังสัมผัสบอลน้อยกว่า ติอาโก้ อัลกันตาร่า คนเดียวเสียอีก ถือเป็นการพ่ายแพ้ที่อาจจะเรียกได้ว่าอัปยศที่สุด แต่ความพ่ายแพ้นี้มันก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายใดๆ เพราะต้องยอมรับว่าวินาทีนี้ ผีแดง ห่างชั้นจาก หงส์แดง […]
รับมือกับสิ่งที่มองไม่เห็น

ความพ่ายแพ้ที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สะกดคำว่าชนะได้เพียงหนเดียวจาก 7 เกมหลังสุดที่ลงสนามทุกรายการ และนั้นก็ยังหมายถึงโอกาสไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแทบจะเป็นไปได้ไม่ได้อีกด้วย หากพิจารณาจากคะแนนที่เหลืออยู่กับเกมลงสนามอีก 7 นัดก็ยังพอคิดได้ว่ามีช่องทางหรือมุมให้พลิกสถานการณ์ แต่ถ้าหากว่าลองมองไปที่ผลงานแล้วมันก็แทบจะม้วนเสื่อรอลุ้นให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ปัญหาหลักๆที่สำคัญของทีมในช่วงที่ผ่านมานั้นก็คือการจบสกอร์ที่แทบจะไม่สามารถที่จะได้ลุ้นและสร้างความอันตรายให้คู่แข่งได้เลย แม้จะสอยตาข่าย ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้ถึง 3 ประตูแต่มันมาจากความยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ปล่อยของออกมาในเกมนั้น ที่เหลือก็เป็นกันอย่างที่เห็นกันนั่นแหละ ถึงแม้ทางนักเตะผีแดงจะสามารถครองบอลหรือทำเกมได้ดีกว่าคู่แข่งในบางช่วงของเกม แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกม้าตายในจังหวะสุดท้ายไม่สามารถหาช่องเข้าทำหรือสร้างโอกาสจะแจ้งเล่นงานฝั่งตรงข้ามได้แบบจังๆ ในนัดล่าสุดมันก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นแล้วว่าการจบสกอร์ได้กลายมาเป็นเรื่องที่เป็นจุดบอดและเล่นงานทีม ซึ่งมันส่งผลไปยังฟอร์มการเล่นรวมไปถึงผลการแข่งขันในช่วงที่ผ่านๆ มา ถึงแม้ว่าทีมจะสามารถครองเกมได้ดีกว่าแต่ไม่มีโอกาสหรือเมื่อมีแล้วก็ไม่เด็ดขาดพอมันก็แทบจะไม่มีค่าอะไร แต่ในทางกลับกันทางด้านคู่แข่งขอโอกาสไม่มากแต่ทำประตูได้มันจึงเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในนัดล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะออกนำในช่วงต้นเกมที่ กูดิสัน พาร์ค โดยทั้งสองจังหวะมาจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งแน่นอนว่าต้องชม จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่มาข่วยป้องกันได้ดี แต่ทางหัวหอกหมายเลข 10 ปิศาจแดง ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้โดยเฉพาะจังหวะโขกในนาทีที่ 12 รูปเกมดำเนินไปไม่ต่างจากนัดอื่นๆ ผีแดง ครองบอลเข้าทำพยายามหาช่องเล่นงาน […]
เข้าใจ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

หากจะพูดถึงชั่วโมงนี้นักเตะที่น่าจะอยู่ในความกดดันมากที่สุดคนหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นของทางด้าน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีมจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่กับทางสโมสรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าการไปเล่นในนามทีมชาตินั้นก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนักหลังถูกแฟนบอลตัวเองโห่ใส่ในเกมอุ่นเครื่องกับ ไอวอรี่ โคสต์ ทั้งที่ทีมเก็บชัยชนะสวยงามด้วยสกอร์ 3-0 ดังนั้นมันไม่ใช่ผลงานในนามทีมชาติ แต่มันเป็นผลพวงที่ติดมาจากฟอร์มการเล่นกับ “ปีศาจแดง” ซึ่งบรรดาแฟนบอลที่ส่งเสียงโห่นั้นไม่รู้ว่าเป็นแฟนบอลยูไนเต็ดหรือเปล่า หรือแฟนบอลทีมอื่นที่ผสมโรงเข้ามาด้วย การโห่ใส่นักเตะของทีมเชียร์นั้นเป็นเรื่องปกติของแฟนบอลที่ไม่พอใจผลงานหรือพฤติกรรมของนักเตะคนนั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่เลยแต่อย่างใด และในสิ่งที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กำลังพบเจออยู่ในตอนนี้นั้นก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่ เดวิด เบ็คแฮม ต้องเจอย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 เมื่อเจ้าตัวถูกวางเป็น “แพะ” ของการตกรอบฟุตบอลโลกในปีนั้นจากการโดนไล่ออกในเกมกับ อาร์เจนติน่า ดังนั้นถือว่ามันน่าสนใจทีเดียวว่าแนวรับจากรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ดจะรับมือกับช่วงเวลาแห่งความกดดันแบบนี้ได้ยังไง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการทีมด้วยนั่นแหละ อันที่จริงถ้าหากเรามามองจากสถิติตัวเลขในเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ย้ายมาร่วมทีมก็คงต้องบอกว่าเขาเข้ามาทำให้เกมรับของทีมดีขึ้นอย่างชัดเจน ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018/19 ก่อนที่ทาง แม็กไกวร์ จะย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” เสียไปที้งหมด 54 ประตู ซึ่งในปีแรกที่เจ้าตัวมาร่วมทีมในฤดูกาลถัดมา ทีมเสียประตูน้อยลงเหลือเพียงแค่ 36 ประตูเท่านั้นและพร้อมคว้าอันดับ 3 […]
เกิดอะไรขึ้นกับ แรชฟอร์ด

กองหน้าดาวเตะทีมชาติอังกฤษไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดมาเกือบปีแล้วและช่วงชีวิตของเขาในยุคของ ราล์ฟ รังนิก ก็คงเรียกได้ว่าแย่ที่สุดในสีเสื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้ คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่มีรายงานเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้มีการพิจารณาอนาคตของเขาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างจริงจัง รังนิก เองก็ชัดเจนว่าตัวเขานั้นไม่ได้ตะบี้ตะบันที่จะหนุนหลังกองหน้าทีมชาติอังกฤษนับตั้งแต่ที่เขามายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนพฤศจิกายน และดูเหมือนว่าในความสัมพันธ์ของพวกาเขาทั้งสองมาถึงจุดที่ตกต่ำสุดในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ เมื่อ แรชฟอร์ด ได้ถูกเลือกให้ไปอยู่บนม้านั่งสำรองทั้งที่นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอดินสัน คาวานี่ ได้รับบาดเจ็บลงสนามไม่ได้ แม้ แรชฟอร์ด จะได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดถัดมากับ สเปอร์ส แต่ตัวเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยสัมผัสบอลเพียง 30 ครั้ง ก่อนที่ตัวเขาจะโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 67 แบบที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีการเลี้ยงบอลผ่าน และไม่มีการจ่ายบอลสำคัญเลย แรชฟอร์ด อยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่มาเกือบปีแล้ว จุดขายต่างๆ ของเขาที่เป็นเครื่องหมายการค้า ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่อันเด็ดขาด และสัญชาตญาณในแดนสาม สิ่งเหล่านี้ได้หายไปพร้อมกับความมั่นใจที่ตกต่ำลงของตัวเขา ตอนนี้เขาดูเป็นผู้เล่นที่เรียกได้ว่าไม่มีทีเด็ดอะไรเลย เล่นบอลก็แสนจะธรรมดามาก หรือในบางครั้งก็ดูจะพยายามมากเกินไปที่จะโชว์อะไรบางอย่างให้ผู้จัดการทีมของเขาได้เห็น ความสับสนเกี่ยวกับบทบาทจาก รังนิก ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ได้ช่วยอะไร แรชฟอร์ด เลย […]
เป้าหมายสุดท้ายของแข้ง แมนยู

การที่พวกเขาตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นก็หมายความว่าพวกเขาได้หมดโอกาสลุ้นความสำเร็จในซีซั่นนี้ไปแล้ว และมันก็ยังคงเป็นปีที่ 5 แล้วที่สโมสรแห่งนี้ต้องไร้แชมป์ติดมือ ความผิดหวังได้เริ่มปกคุลมถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง บรรยากาศอึมครึมได้เริ่มรายล้อมสโมสร เพราะอาจจะเรียกได้ว่าเป็นอีกปีที่ทีมจะไม่เจอกับความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมเลยสักอย่าง หากลองย้อนกลับไปในเกมเมื่อวันอังคาร จะเห็นได้ว่า ปิศาจแดง ทำได้ดีก็คงไม่ใช่คำกล่าวเกินเลยอะไร เพราะลูกทีม ราล์ฟ รังนิก เดินหน้ากดดัน แอตเลติโก มาดริด ได้น้ำได้เนื้อและดูมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะจังหวะชาร์จเน้นๆ ของ แอนโธนี่ เอลังก้า ที่บอลไปโดนศีรษะ ยาน โอบลัค อย่างน่าเสียดาย พลังงานและความมุ่งมั่นนั้นได้แสดงออกมาจากการเล่นของบรรดานักเตะ ทุกๆ คนดูมีมุ่งมั่นในการเล่นงาน ตราหมี เพราะถ้าหากพวกเขาปล่อยให้เกมยืดเยื้อไปอาจจะมีภัยเข้าตัว ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ทาง ผีแดง จะมีการครองบอลและพยายามกดดันทีมเยือนได้มากว่าแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรไม่ได้ แถมท้ายครึ่งแรกเริ่มมีสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น เริ่มจากจังหวะล้ำหน้าของ ชูเอา เฟลิกซ์ ที่สอยตาข่ายในนาที 34 ซึ่งนี่ก็ถือเป็นการเตือนไปยังแนวรับเจ้าบ้านครั้งแรกว่าถ้าหากยังปล่อยโอกาสหรือสติไม่อยู่กับเกมเหม่อลอยเมื่อไหร่ก็มีสิทธิ์โดนเมื่อนั้น และแล้วสิ่งที่แฟนบอลปิศาจแดง ซึ่งอาจจะร่วมไปถึง รังนิก ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ดันเป็นจริงจนได้ […]
ปัญหาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญ

ปัญหาหลักๆของนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด และนาทีนี้ คือพวกเขาเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีมาตรฐานสักเท่าไหร่ คือเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ผีเข้า-ผีออก เล่นเป็นระบบบ้าง ไม่เป็นระบบบ้าง ในบางเกมอาจจะมีทีมเวิร์คที่ดี แต่บางเกมก็เรียกได้ว่าหาความเป็นทีมเวิร์คไม่ได้เลย…ซะอย่างนั้น อาจจะเห็นได้บ่อยครั้งที่ต่างคนต่างเล่นพลางหรือใช้เพียงความสามารถส่วนบุคคลเอาตัดรอดไปที่ละจังหวะ เพราะอย่างนั้นจึงสังเกตได้ว่าเกมไหนที่บรรดานักเตะแต่ละคนระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกออกมาพร้อมๆกัน ผลการแข่งขันก็มักจะออกมาดีทุกครั้ง ต้นเหตุอาจจะมาจากการไม่มีระบบและทีมเวิร์คอันเป็นพื้นฐาน ถึงแม้ว่าศักยภาพของผู้เล่นของคุณจะไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งในพิกัดเดียวกันมากนักก็ตาม นักเตะค่าตัวแพง คุณภาพคับตูด ต่อเมื่อผสมผสานให้เป็นเนื้อเดียวกันไม่ได้ มันก็อาจจะเหมือนเป็นดาวคนละดวงที่มีแสงสว่างในตัวเอง แต่กระจายตัวกันออกไปไม่ได้ช่วงกันส่องแสง แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีความเป็น “เนื้อเดียวกัน” ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะเหตุใด …ว่าแล้วก็ขออธิบายแบบนี้ครับว่าผู้จัดการทีมแต่ละทีมต่างก็มีปรัชญาลูกหนัง และสไตล์การเล่นที่ตัวเองยึดถือเป็นหลักแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างง่ายๆ จาก เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ ลิเวอร์พูล ยึดมั่นในฟุตบอลแบบ เฮฟวี่ เมทั่ล ที่บีบสูง เพรสซิ่งเข้าแย่ง แล้วจู่โจมแบบสายฟ้าฟาด กุนซือของ แมนฯ ซิตี้ ยังคงยึดถือมั่นในฟุตบอลที่สวยงาม เคาะบอลกันตามช่องไปเรื่อยๆ โดยที่เน้นไปที่การครองบอลเป็นสำคัญคล้ายๆ กับวิธีการเล่นของ บาร์เซโลน่า เมื่อมีปรัชญาลูกหนังเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่นเดียวกับมีระบบการเล่นที่ชัดเจนและแน่นอน พวกเขาก็จะเลือกนักเตะมาใส่ตามจุดต่างๆ […]
รวมวีรกรรมความพัง ! ของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวสถิติโลก

เรียกได้ว่ามีเรื่องให้พูดถึงไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ สำหรับคนนี้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังที่มีค่าตัวระดับสถิติโลกที่ 80 ล้านปอนด์แต่มีฟอร์มการเล่นที่ไม่ได้เฟี้ยวเหมือนค่าตัวของเขา จำได้เลยว่าตอนย้ายมาใหม่ๆ หลายๆ ฝ่ายต่างก็อวยกันยกใหญ่ว่านี่แหละคือกองหลังที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหา นี่คือเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ยุค ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่ง ความแม่นยำในการเข้าบอล และไหวพริบเยี่ยม แต่หากตัดภาพกลับมาตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? และนี่ก็คือวีรกรรมความพังของสุดยอดกองหลังค่าตัวระดับโลกที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ตั้งแต่ที่เจ้าตัวได้ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ประกบ บิสซาก้า ย้อนเวลากลับไปเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมปี 2020 นับเป็นหนึ่งในวันที่เล้วร้ายที่สุดของชีวิต แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เลยก็ว่าได้กับการโดนทัวร์ลงแบบยกใหญ่ในโลกโซเชี่ยลกับวีรกรรม “ความหมูหก” และ “ความเงอะงะ” ของตัวเอง เพราะในเกม พรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ณ ตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะเก็บ 3 คะแนนได้แบบชัวร์ๆ เพราะตอนเกมใกล้จบทาง “ปีศาจแดง” […]
แมคไกวร์ คนเดิม ผีหาย 2 แต้ม

ต้องบอกเลยว่าโอกาสการทำประตู 0 ครั้งในครึ่งแรกของ เบิร์นลีย์ ที่เล่นมันก็อาจจะสมกับเป็นทีม “บ๊วย” แต่ในทางกับกันการบุกอย่างเมามันของ แมนฯยูไนเต็ด ที่สามารถยิงเข้าถึง 3 (ถูกริบไป 2) และในท้ายที่สุดเกมพลิกจบด้วยการแบ่งแต้มไปแบบงงๆ หากมองจากรูปเกมใน 45 นาทีแรกของ “ปีศาจแดง” ก็คงเชื่อลึกๆว่าถ้าไม่พลาดกันเองและได้ลูก 2 ทุกอย่างก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการมาเก็บสามคะแนน แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวหลังเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงแค่ 2 นาทีกลายเป็นจุดพลิกผันและส่งผลในบั้นปลายคือเสียอันดับ 4 ให้ เวสต์แฮม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ยังคงสามารถรักษาการเข้าบอล “พรวด” ไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่มีอ่านเกมหรือเข้าบอลเผื่อเสียเหลี่ยมไว้บ้างเลย คือเข้าแบบทั้งตัวหลุดแล้วหลุดเลย จังหวะนี้เองก็คงต้องบอกเลยว่าหมดราคา (ที่ลดฮวบฮาบมานานแล้ว) หลังถูก วูท เว้กฮอร์สต์ กองหน้าป้ายแดงเจ้าของความสูง 197 ซม. โชว์ทักษะพลิกบอลทีเดียวคู่เซนเตอร์หายจากหน้าบ้านทันที ที่บอกว่าหายเพราะทางด้าน ราฟาเอล วาราน คอยตามคู่ของตัวเองอยู่คือ เจย์ โรดริเกซ แต่พอ “กัปปิตันแม็ค” เอา เว้กฮอร์ตส์ ไม่อยู่ทำให้ภาระเลยตกมาอยู่กับทาง วาราน ต้องวิ่งหน้าตั้งไปช่วยสกัดมันเลยกลายเป็นเปิดช่องให้ทาง […]
อนาคตของเจ้าไม้เขียว???

เมสัน กรีนวู๊ด ตัวเขานั้นไม่ใช่วัยรุ่นแมนเชสเตอร์โดยกำเนิด ตัวเขาเกิดที่เมือง แบรดฟอร์ด ทางตะวันออกของแคว้นยอร์คเชียร์ ประเทศอังกฤษ โดยมีเชื้อสายจาเมก้า ก่อนเดินทางมาเข้าโรงเรียนลูกกรอกคะนองวิทยาในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อมาฝึกฝนวิชาฟาดแข้ง ตั้งแต่อายุได้แค่เพียง 6 ขวบ นักเตะรายนี้ได้สร้างชื่อเสียงเอาอย่างมากในตำแหน่งกองหน้าดาวรุ่งพุ่งกระฉูดของทางด้านทีมปีศาจแดงชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี ด้วยการที่เขานั้นสามารถทำไปได้ 17 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 21 เกมในศึกพรีเมียร์ลีกระดับเยาวชนและตัวเขายังสามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด เมื่อฤดูกาล 2017-18 ฤดูกาลต่อมา โชเซ่ มูรินโญ่ จึงได้เรียกนักเตะหนุ่มวัยแค่ 17 ปีในตอนนั้นให้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยพาไปทัวร์สหรัฐ อเมริกา ด้วยกัน ก่อนจะเปิดฤดูกาล 2018-19 อย่างไรก็ตาม “มูมู่” ก็ไม่เคยที่จะให้โอกาสดาวรุ่งผู้นี้ลงสนามเลยสักนัดเดียวจนกระทั่งตัวเองถูกปลดออกจากตำแหน่ง และคนที่มามอบโอกาสให้ เมสัน กรีนวู๊ด อย่างจริงจังก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในซีซั่น 2018-19 นักเตะหนุ่มรายนี้ได้ลงเล่นรวมกันทุกรายการเพียงแค่ 4 นัด กระทั่งฤดูกาล 2019-20 จึงได้โอกาสลงสนามมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่สามารถพาตัวเองเป็นผู้เล่นตัวหลักของปีศาจแดงเลยทีเดียว […]