หากจะพูดถึงการที่ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าชิงชนะเลิศถ้วยลีกคัพเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี และท่ามกลางความดีใจของแฟนทั้งหลายเหล่านั้น ก็ไม่อาจจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชื่อเขา ดิโอโก้ โชต้า คือหนึ่งในนักเตะคนสำคัญในเกมรุกประจำทีมซีซั่นนี้ที่อยู่ในระดับ Tier 2 ของจาก โม ซาล่าห์ ไปแล้ว
“Oh, he wears the No 20. He will take us to victory,
And when he’s running down the left wing, he’ll cut inside and score for LFC,
He’s a lad from Portugal. Better than Figo don’t you know,
Oh, his name is Diogo.”
เสียงเพลงสดุดีจากบรรดาแฟนเดอะค็อปพุ่งตรงสู่ โชต้า ไม่ขาดสายหลังจากที่เขารับบทฮีโร่ทำคนเดียว 2 ประตูใส่ อาร์เซน่อล และทำให้การพังกระตูของนักเตะรายนี้ในซีซั่นนี้ทะลุไปถึง 14 ประตูรวมทุกรายการเข้าไปแล้ว
เจมส์ เพียร์ซ ได้เขียนบทความยกย่องทางด้าน โชต้า ใน ดิ แอทเลติค ไว้ได้มีความน่าสนใจมาก ทางด้านกูรูหงส์แดงคนดังกล่าวว่าหัวจิตหัวใจของนักเตะจากโปรตุเกสรายนี้ใหญ่กว่าร่างกายเยอะ ทั้งที่เขาก็รู้ตัวดีว่าการที่จะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้นก็มีโอกาสที่เขาจะเป็นตัวสำรองมากกว่าที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเพราะทางทีมที่มีสุดยอดกองหน้าอยู่แล้ว เช่น ฟิร์มิโน่มาเน่ และ ซาล่าห์ ยืนขวางทางอยู่ แต่ โชต้า เองก็ยังพร้อมที่จะยอมรับความท้าทายนั้นด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตัวได้เดินเข้ามา และเขาพิสูจน์ตัวเองด้วยฝีเท้าให้เห็นแล้วว่า ตัวเขานั้นมีดีกว่าการที่จะมาเป็นสำรองตัวพลิกเกม แต่เขามาที่แอนฟิลด์เพื่อที่ขอรับบทเป็นตัวจบสกอร์ที่โค้ชจะต้องส่งลงสนาม
ทางด้านกุนซือของทีมอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้มีความชื่นชอบทัศนคติและความมุ่งมั่นจาก โชต้า เป็นอย่างมาก ถ้าเป็นนักเตะบางคนอาจท้อแท้หรือผิดหวังในยามที่จะต้องมาเป็นตัวสำรอง แต่กับ โชต้า แล้วมันต่างออกไป
“ผมจะพยายามทำงานให้หนักมากขึ้นเพื่อรอโอกาสของตัวเอง คล็อปป์เป็นกุนซือที่มีสไตล์การทำงานในแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เขาคลุกคลีกับนักเตะ และหลังจบการซ้อมเขามักจะส่งข้อความต่าง ๆ มาหาพวกเราอยู่เสมอ นั่นทำให้เราทุกคนรู้ว่าอยู่ในความสนใจของเขาทุกเวลา”
โชต้า ได้ลงสนามประเดิมช่วงแรกกับทีมด้วยคุณภาพที่เต็มเปี่ยม เขาได้ออกสตาร์ตด้วยการทำประตูได้ 7 จาก 10 เกมแรก รวมถึงตัวเขายังสามารถทำแฮตทริคใส่ทาง อตาลันต้า ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกต่างหาก
แต่มันก็มึโชคร้ายที่ในเดือนธันวาคม ตัวเขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักไปนานกว่า 3 เดือน และช่วงที่นักเตะคนนี้ไม่อยู่ทางด้าน ลิเวอร์พูล เองก็มีผลงานที่ย่ำแย่ตามลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“ผมต้องพักเกือบ 3 เดือน มันคืออาการบาดเจ็บที่นานที่สุดในอาชีพค้าแข้งของผม และยังมาเกิดขึ้นในตอนที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยอีกต่างหาก นั่นเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่”
“เมื่อนั่งดูเกมแล้วทีมทำผลงานไม่ดี ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเพราะช่วยอะไรทีมไม่ได้เลย ดังนั้นพอผมกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ผมเลยจดจ่อกับทุกอย่างที่สามารถเอามาพัฒนาและช่วยเพิ่มศักยภาพให้ทีมได้มากที่สุด”
เป็นเวลากว่า 16 เดือนนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวได้ย้ายจาก วูลฟ์แฮมป์ตัน มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ดาวเตะชาวโปรตุเกสคนนี้ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 57 นัดทำประตูได้ 27 ประตูบวกกับอีก 3 แอสซิสต์ โดยเป็นการออกสตาร์ตตัวจริงเพียง 41 นัดเท่านั้น
แต่กในฤดูกาลนี้ โชต้า ได้ใช้โอกาสช่วงที่ทาง ฟิร์มิโน่ ได้รับบาดเจ็บจนทำให้ทางด้าน โชต้า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจหลักของทีมได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะรูปร่างไม่สูงแต่เขามึทักษะการหาที่ว่าง, สปริงข้อเท้าที่ดี รวมไปถึงสัญชาตญาณการทำประตูที่เฉียบคมในกรอบเขตโทษ นั้นคือสิ่งที่ โชต้า สามารถทำได้ดีกว่า ฟิร์มิโน่ ค่อนข้างที่จะชัดเจน
อย่างที่ทราบกันถึงความอันตรายของ โชต้า คือการเข้าไปวนเวียนอยู่ในกรอบ 18 หลาครับ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากในการพาตัวเองหาพื้นที่เข้าไปอยู่ในจุดที่สามารถลุ้นทำประตู และวนเวียนไปได้หมดทั้งทางฝั่งซ้ายและขวา ถึงแม้ว่าจะเล่นหน้าเป็นเป้าก็ตาม อาจจะด้วยเพราะสิ่งนี้ถึงทำให้ โชต้า เป็นนักเตะที่ช่วยดึงกองหลังออกมาจากโซนจนทำทีมมีพื้นที่ในการทำประตูได้มากขึ้น
ทั้ง 27 ประตูที่เขาทำได้มีแค่ลูกเดียวเท่านั้นที่มาจากการทำนอกกรอบเขตโทษ นั่นจึงเป็นการยิ่งตอกย้ำถึงความเก่งกาจของเขาในเรื่องความไวในกรอบ 18 หลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“เรามั่นใจในตัวเขามาตลอดว่าจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ลิเวอร์พูล” เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดถึง โชต้า “หลังจากหายเจ็บกลับมา เขาได้ก้าวไปอีกขั้นและกำลังกลายเป็นกองหน้าระดับโลกในอีกไม่นาน”
ความกังวลที่เคยมีเรื่องการขาดหายไปของ ซาล่าห์, มาเน่ และ เกอิต้า ตอนเดือนมกราคมกำลังที่จะได้รับการพิสูจน์ว่า ดิโอโก้ โชต้า คนนี้ก็สามารถที่จะฝากฝังเกมรุกไว้ได้เหมือนกัน หากเกมในวันนี้สามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้อีก ก็จะเป็นสัปดาห์ที่ทาง เดอะ ค็อป ลุกโชนไปด้วยความหวังอย่างแน่นอน เพราะเมื่อคืนที่ผ่านนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะพลาดเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ไป 1-1
หันไปมองตอนเดือนมกราคมปีที่แล้วหรือปีก่อน ๆ ช่วงเวลานี้มักเป็นเดือนที่ คล็อปป์ มักจะไม่มีโชคและเสียแต้มอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับกันในปีนี้ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ก็เริ่มที่จะกลับมาซ้อมเดี่ยวได้แล้ว, มีดาวรุ่งอย่าง เคด กอร์ดอน ยืดเส้นยืดสายและพร้อมที่พิสูจน์ตัวเอง, เทรนต์ ก็กำลังท็อปฟอร์ม และในส่วนแบ็คซ้ายไม่ว่าจะเป็นทางด้าน ร็อบโบ้ หรือ ซิมิกาส ถือว่าทดแทนกันได้สบาย
ส่วนในแดนหน้า การมีอยู่ของ โชต้า ในร่างที่อัพเกรดก็กำลังช่วยแบ่งเบาภาระการทำประตูได้เยอะมากเลยทีเดียว เขาไม่เพียงแต่ยืนปักหลักรอยิง แต่เขายังเป็นกองหน้าสมัยใหม่ที่วิ่งพล่านไปทั่วและโผล่มาอีกทีคือ ตูม!!! เป็นสกอร์ไปแล้ว
“Diogo on fire” คล็อปป์ ให้คำจำกัดความลูกทีมคนนี้ไว้แบบนี้ “เขามีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อสำหรับเรา การผสมผสานทักษะของเขาน่าตื่นเต้น เขาจะอยู่ในฟอร์มแบบนี้ไปอีกนานเลย”
ดิโอโก้ โชต้า ที่จั้งตาเฝ้ารอโอกาสในทีมมาค่อนข้างนาน แม้ตัวเขาเคยโชคร้ายต้องเจ็บยาวจนไม่สามารถปล่อยของที่มีในตัวออกมาได้มากนัก
แต่กลับมาในวันนี้ ตัวเขาก็กำลังแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาอย่างเต็มที่ ยิ่งในยามที่ทีมต้องการพึ่งพาใครสักคนหน้ากรอบเขตโทษ มันก็เลยยิ่งทำให้เขากลายเป็นความหวัง เป็นคนสำคัญในการทำประตูที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลยสักนาทีเดียว
รูป www.thisisanfield.com, liverpooloffside.sbnation.com, www.liverpoolfc.com
เนื้อข่าว m.thsport.com