7 แข้งอายุเยอะฟอร์มแจ่มว้าวใน ยูโร 2020

ข่าวฟุตบอล ยูโร 2020

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับทัวร์นาเมนต์ยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูโร 2020 เรื่องผลต่างๆ ทุกท่านน่าจะได้ทราบกันไปหมดแล้ว

มาดูในเรื่องของผลงานนักเตะกันบ้างดีกว่า วันนี้สิ่งที่อยากนำเสนอก็คือ การพาทุกท่านไปยลโฉมถึงเหล่าบรรดาผู้เล่นที่อายุเยอะแล้วแต่กลับมีผลงานที่เข้าตากรรมการมากๆ ในศึก ยูโร 2020 หนนี้ จะมีใครบ้างไปดูกัน

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – โปรตุเกส

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – โปรตุเกส

ถึงอายุจะปาเข้าไป 36 ปีแล้วก็จริง แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นสุดยอดนักเตะระดับโลกโดยเฉพาะสถิติการระเบิดสกอร์ตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งกับ ยูเวนตุส และในระดับนานาชาติกับ ทีมชาติโปรตุเกส ด้วย ตลอดจนทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ที่เพิ่งจะปิดฉากลงไป ถึง เจ้าของโค้ดเนม CR7 จะไม่สามารถพาทัพ “ฝอยทอง” ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้จากการพ่ายให้กับ ทีมชาติเบลเยี่ยม 1-2 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ถึงกระนั้นตัวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็สามารถคว้ารางวัล ดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์มาครองได้ที่ 5 ประตู

นอกจากนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังสร้างสถิติกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของศึก ยูโร อีกด้วยที่ 14 ประตูจากการลงเล่น 25 นัด เท่านั้นยังไม่พอเพราะในระดับนานาชาติพี่แกก็สร้างสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดที่ 109 ประตูเทียบเท่ากับยอดตำนานอย่าง อาลี แดอี ด้วยเช่นกัน

ลูก้า โมดริช – โครเอเชีย

ลูก้า โมดริช – โครเอเชีย

หลังจบศึก ฟุตบอลโลก ปี 2018 มันมีท่าทีและสัญญาณที่ให้ความรู้สึกว่า ลูก้า โมดริช กำลังจะตัดสินใจรีไทร์เพื่อเปิดโอกาสให้แทนรุ่นใหม่ขึ้นมารับใช้ชาติบ้าง แต่ไปๆ มาๆ ในวัย 35 ปีกับทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 พี่แกก็ยังคงรับบทบาทสำคัญกับการเป็นผู้นำและเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางที่ โครเอเชีย จะขาดไปไม่ได้ ทั้งการมีส่วนร่วม เการสร้างขับเคลื่อนเกมและสร้างสรรค์โอกาสต่างๆ นาๆ 

เรื่องของเซนต์บอล วิสัยทัศน์ต่างๆ ในการจ่ายบอลขอบอกเลยว่า ลูก้า โมดริช ยังคงเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ โดยในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 หนนี้เจ้าตัวได้ลงสนามไปตลอดทั้ง 4 นัด คิดเป็น 384 นาที  มีโอกาสยิงทั้งหมด 3 ครั้ง ทำได้ 1 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในเกมที่อัด สกอตแลนด์ ไป 3-1 ส่วนเรื่องของการผ่านบอล ลูก้า โมดริช มีสถิติอยู่ที่การผ่านบอลสำเร็จ 258 จาก 286 ครั้งคิดเป็นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 90 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว เรียกว่านแม้จะแก่ แต่ก็ยังแบก โครเอเชีย เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวครับ

คาริม เบนเซม่า – ฝรั่งเศส

คาริม เบนเซม่า – ฝรั่งเศส

คาริม เบนเซม่า อาจจะอายุปาเข้าไป 33 ปีแลวก็จริงแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันจากโปรไฟล์การถล่มสกอร์ให้ เรอัล มาดริด ตลอดช่วงที่ผ่านมา และนั่นก็นำมาซึ่งการหวนกลับมารับใช้ ทีมชาติฝรั่งเศส อีกครั้งในศึก ยูโร 2020 หนนี้ หลังจากหายหน้าหายตาไปนานเกือบๆ 6 ปีจาก “คดีเซ็กซ์เทป” อันลือลั่น พร้อมกับยึดตำแหน่งหัวหอกตัวจริงได้แบบทันทีทันใด 

คาริม เบนเซม่า ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัดให้กับทัพ “เลส์ เบลอส์” ก่อนเริ่มนับหนึ่งกับการใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่มที่ ฝรั่งเศส ต้องเจอกับ โปรตุเกส ซึ่งเกมนั้นพี่แกเหมาไปคนเดียว 2 ประตู ตามด้วยเกมรอบน็อคเอาท์ที่ต้องเจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ เบนเซม่า ก็ซัดไปอีก 2 ประตูช่วยให้ ฝรั่งเศส พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายขึ้นนำ 2-1 ในช่วงนาที 60 แต่น่าเสียดายที่สุดท้าย ฝรั่งเศส ดันต้องมาจอดป้ายที่รอบนี้หลังแพ้ไปในการดวลจุดโทษแบบดราม่า

แต่ถ้ามองถึงแง่ของผลงานส่วนตัวสำหรับ คาริม เบนเซม่า ก็จัดว่าเป็นผู้เล่นที่อายุเยอะแล้วแต่ก็ยังฉายแววได้ปังปุริเย่มากๆ เขาอาจไม่ใช่คนที่มีบทบาทกับทีมตลอด 90 นาที แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาสก็สามารถหวังผลได้เสมอ พี่แกมีโอกาสยิงทั้งหมด 11 ครั้งในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยตรงกรอบ 5 ครั้งและเข้าเป้าไป 4 ประตู มาคิดๆ ดูแล้วบางทีถ้า ฝรั่งเศส ไม่พลาดตกรอบไปเสียก่อนบางที คาริม เบนเซม่า อาจเป็นคนที่คว้ารางวัล ดาวซัลโวของ ยูโร 2020 หนนี้แทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เป็นได้

ยานน์ ซอมเมอร์ – สวิตเซอร์แลนด์

ยานน์ ซอมเมอร์ – สวิตเซอร์แลนด์

ถึงอายุจะยังไม่ครบ 33 ตามเกณฑ์ที่เรานำเสนอในคอนเทนต์นี้ แต่อีกไม่กี่เดือน ยานน์ ซอมเมอร์ ก็จะครบ 33 ปีบริบูรณ์แล้ว ถ้าจะพูดถึงผู้รักษาประตูสักคนที่ฉายแววได้ดีสักคนใน ยูโร 2020 ที่ไม่ใช่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ก็คงต้องเป็นเขาคนนี้นี่แหละ 

ถึง สวิตเซอร์แลนด์ จะเป็นทีมที่เกมรับไม่ได้ดูดีอะไรนักในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 เสียประตูแทบทุกเกม แต่ส่วนตัวแล้ว ยานน์ ซอมเมอร์ ก็จัดว่าเป็นนายทวารที่ฝีไม้ลายมือเด็ดดวงมากๆ คนหนึ่ง โดยเฉพาะช็อตโชว์เซฟลูกยากๆ มากมายในทุกๆ นัด เขามีโอกาสเซฟทั้งหมดในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ 21 ครั้ง และเกมที่ทำให้พี่แกถูกพูดถึงกันสนั่นลั่นโซเชี่ยลก็คือการเซฟจุดโทษช่วยให้ สวิตเซอร์แลนด์ ล้มยักษ์โค่น ฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เดนมาร์ก

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เดนมาร์ก

เดนมาร์ก เจอกับช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มไม่ว่าจะเป็นการเสียจอมทัพตัวเก่งอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น ตลอดจนการพ่ายแพ้ไปถึง 2 นัด แต่กลับสร้างสถิติเป็นชาติแรกใน ยูโร ที่แพ้ 2 นัดและผ่านเข้าสู่รอบต่อไปมาได้ ก่อนจะตีตั๋วยิงยาวมาถึงรอบรองชนะเลิศซึ่งหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทัพ “โคนม” มาถึงจุดๆ นั้นก็คือการมี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารจากค่าย เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นด่านสุดท้าย

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ได้ลงสนามเฝ้าเสาให้ เดนมาร์ก ไปตลอด 6 นัด  ถึงจะเก็บได้แค่ 1 คลีนชีท แต่การเสียประตูกับ ทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งไม่ใช่ชาติยักษ์ใหญ่ก็ถือเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ไหนจะมีช็อตเซฟลูกยากๆ ให้เห็นเยอะแยะมากมาย เช่นเดียวกับการเซฟจุดโทษก็ด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราได้เห็นจากผู้ชายคนนี้ในศึก ยูโร 2020 ก็คือรีแอคชั่นการกระตุ้นปลุกใจลูกทีม รวมถึงช็อตปลอบโยนเรียกน้ำตาซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำอีกด้วย

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ – อิตาลี

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ – อิตาลี

ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่ประสบมาในฤดูกาล 2020-21 กับ ยูเวนตุส ทำให้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ มีโอกาสลงสนามน้อยเกินกว่าที่ควร และเมื่อมาถึง ยูโร 2020 กับ ทีมชาติอิตาลี ด้วยอายุที่ปาเข้าไป 36 ปีก็ทำให้ชื่อของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ถูกตั้งคำถามเหมือนกันว่าพี่แกจะไหวหรือเปล่ากับการผจญในครั้งนี้ และถ้าย้อนกลับไปตอนนัดชิง ยูโร 2012 คิเอลลินี่ ก็ได้เล่นแค่เพียง 20 นาทีเท่านั้นก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปเนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ และสุดท้ายปีนั้น อิตาลี ก็ต้องอกหักไปในนัดชิงชนะเลิศที่เจอกับ สเปน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน ยูโร 2020 จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ได้ตอกทุกเสียงวิจารณ์ด้วยผลงานที่เกิดขึ้นในสนาม ด้วยการช่วยยกระดับให้ อิตาลี เป็นเกมรับที่แข็งแกร่งสุดๆ ไหนจะมีภาวะความเป็นผู้นำที่สูงส่ง การมีเขาคอยยืนคุมและสั่งการอยู่ด้านหลังมันช่วยให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังเลย และนั่นคือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ อิตาลี ไปถึงฝั่งฝันกับการคว้าแชมป์ ยูโร สมัยที่ 2 บนหน้าประวัติศาสตร์ของชาติ

เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ – อิตาลี

เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ – อิตาลี

อีกหนึ่งส่วนผสมที่ทำให้ อิตาลี ยังได้ชื่อและยังอนุรักษ์ความเป็นชาติที่ที่เกมรับที่เหนียวแน่นสุดๆ ในยุคนี้นอกจากการมี จอร์โจ้ คิเอลลินี่ แล้วก็ยังมีอีกคนคือ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ นี่คือคู่หูปราการหลังที่ร่วมงานกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2010 ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งคู่จะเล่นกันได้เข้าขากันสุดๆ ต่างฝ่ายต่างก็มีความเก๋าเกมในเรื่องประสบการณ์ ความแข็งแกร่ง เหลี่ยมจัด และสามารถรับมือกับความกดดันได้ดี

ต่อให้เกมไหนจะขาด คิเอลลินี่ ไปแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใดๆ เพราะตัวของ โบนุชชี่ สามารถทำหน้าที่แทนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาได้ลงสนามไปตลอด 7 นัดทั้งทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 และก็รักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีตลอดทุกนัด ไม่มีตกหล่นเลยสักนิด และที่สำคัญก็คือประตูที่ช่วยให้ อิตาลี กลับคืนสู่เกมในเกมนัดชิงชนะเลิศ มันทำให้ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ สร้างสถิติกลายเป็นผู้เล่นอายุเยอะที่สุดที่ยิงประตูได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ตัวเลข 34 ปีกับอีก 71 วันอีกด้วย 

ข่าวบอลล่าสุด