บาร์เซโลน่า สามารถเก็บ 3 คะแนนสำคัญมาได้ในเกมเปิดสนาม ลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2021-22 จากการไล่อัด เรอัล โซเซียดาด 4-2 ในวันที่พวกเขาไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ อีกต่อไป วันนี้สิ่งที่ “ขอบสนาม” อยากนำเสนอก็คือ การรวบรวม “สิ่งน่ารู้” ที่ได้จากเกมๆ นี้
มาร์ติน เบรธเวต : อีกหนึ่งอาวุธเด็ด
ที่ผ่านมา มาร์ติน เบรธเวต อาจจะเคยค้าแข้งแต่กับทีมเล็กๆ แถมชื่อชั้นและโปรไฟล์ของเขาก็ไม่ได้สร้างความน่าเกรงขามต่อคู่แข่งเท่าไหร่ แต่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาต้องชื่นชมว่าไอ้หมอนี่ทำผลงานได้ดีจริงๆ เขาแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการในหลายๆ ด้าน จริงๆ ก็เริ่มสัมผัสได้มาตั้งแต่ศึก ยูโร 2020 ที่ผ่านมากับ ทีมชาติเดนมาร์ก
ในเกมกับ เรอัล โซเซียดาด เราจะเห็นเขามีส่วนร่วมกับเกมสูงใช้ได้เลย การเคลื่อนที่อันชาญฉลาดสามารถสร้างปัญหาและสร้างความกดดันให้กับคู่แข่งได้เยอะมาก ตลอดจนเรื่องของความนิ่งและความเยือกเย็นก็เหมือนจะมีมากขึ้นเช่นกัน และนั่นก็นำมาซึ่งการซัดไป 2 ประตู บวกกับกดไปอีก 1 แอสซิสต์
แน่นอนว่า มาร์ติน เบรธเวต ไม่มีทางเป็นเหมือน ลิโอเนล เมสซี่ ได้ แต่ความมุ่งมั่นและการทำงานอย่างหนัก บวกกับการยกระดับตัวเองที่มากขึ้น มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ผลงานในวันนี้มันพิสูจน์ให้เห็นว่าฤดูกาล 2021-22 นี้ เขาสามารถเป็นหนึ่งในไม้เด็ดของ บาร์เซโลน่า และแฟนๆ สามารถหวังผลกับผู้ชายคนนี้ได้
เมมฟิส เดปาย : ความหวังใหม่
เมมฟิส เดปาย แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไม โรนัลด์ คูมัน ถึงอยากได้พี่แกมายกระดับศักยภาพทีมในแผงแนวรุก ถึงแม้เกมที่เจอกับ เรอัล โซเซียดาด มาร์ติน เบรธเวต จะได้หน้าไปเต็มๆ กับการเป็นฮีโร่ซัดไปถึง 2 ประตู แต่ก็ต้องให้เครดิตกับ เมมฟิส เดปาย ที่เป็นเบื้องหลังสำคัญของรูปเกมที่สวยงามเพอร์เฟคเช่นนี้ เขาเล่นได้มั่นใจชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ วิสัยทัศน์ดี มีส่วนร่วมกับเกมด้วยการสร้างสรรค์โอกาสที่มากมาย และน่าจะเป็นผู้เล่นที่สถิติดีที่สุดด้วยมั้งในด้านนี้ถ้านับแค่เกมการแข่งขันในสัปดาห์แรก
ถึงจะไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่การทำได้ 1 แอสซิสต์ บวกกับคุณประโยชน์จากเขามันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลย จริงอยู่ที่ เมมฟิส เดปาย ไม่อาจก้าวขึ้นไปเทียบชั้นการเป็น เดอะ แบก ของทีมได้เหมือนกับ ลิโอเนล เมสซี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการปั้นเกม ช่วยให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้นพี่แกสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีจริงๆ
เอริค การ์เซีย : เจ๋งกว่าที่คิด
แน่นอนว่า เอริค การ์เซีย ได้รับการยกย่องว่าเป็นเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ แต่เมื่อได้เห็นฟอร์มการเล่นในเกมที่เจอกับ เรอัล โซเซียดาด หลายคนเห็นพ้องตรงกันว่าแววมันดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความคล่องตัว, การเคลื่อนที่และทักษะสกิลการครองบอลซึ่งนี่คือสิ่งที่แบ็คไลน์ของ บาร์เซโลน่า ยังขาดอยู่ถ้าเทียบกับยุคหลังๆ
การจับคู่กับ เคราร์ด ปิเก้ ก็ค่อนข้างลงตัว เคมีเข้ากัน สามารถเข้าไปซ้อนและเก็บตกในจังหวะต่างๆ ได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่อ่านเกมได้ดีและเข้าถึงบอลไวใช้ได้ ส่วนการรับมือกับแนวรุกคู่แข่งเจ้า เอริค การ์เซีย ก็มีช็อตสวยๆ ให้เห็นอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะจังหวะการทำลายเกมสวนกลับของ คริสเตียน ปอร์ตู คนที่ได้ชื่อว่าเป็นทีเด็ดและจี๊ดจ๊าดที่สุดของ เรอัล โซเซียดาด
หนึ่งในแดนกลางที่ดีที่สุดในยุโรป
การขับเคลื่อนเกมส่วนใหญ่ของ บาร์เซโลน่า มีหัวใจสำคัญอยู่ที่แผงมิดฟิลด์ และในเกมนัดเปิดสนามที่ไล่เชือด เรอัล โซเซียดาด ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมซึ่งมาจากการผนึกกำลังกันของ 3 ทริโอ้นั่นก็คือ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง และ เปดรี้
ผลที่ออกมาเรียกได้ว่าครบเครื่องสมบูรณ์เพอร์เฟคสุดๆ ทั้งเรื่องของการคุมจังหวะเกม, การเปลี่ยนจากจังหวะรับเป็นรุกตลอดจนการขับเคลื่อนบอลไปข้างหน้า และแต่คนก็จัดว่าเป็นแข้งที่มีเชิงและเทคนิคเชิงสูงอยู่แล้วด้วย จริงอยู่ที่ตำแหน่งอื่น บาร์เซโลน่า ค่อนข้างจะมีช่องโหว่และมีปัญหาต่างๆ นาๆ ถ้าวัดกันในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่ถ้าเป็นความสมดุลแผงมิดฟิลด์ขอบอกเลยว่าพวกเขาคือเบอร์ท็อปๆ ของยุโรปเลยจริงๆ
เปดรี้ : เหมือนไม่ใช่มนุษย์
ไอ้หนู เปดรี้ วัย 18 ปีสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่ลงเล่นมากที่สุดเมื่อฤดูกาล 2020-21 ที่ 73 นัดรวมทั้งในระดับสโมสรไล่มาจนระดับนานาชาติกับ ทีมชาติสเปน ทั้งใน ยูโร 2020 และ โอลิมปิก เกมส์ 2020 และที่สำคัญคือไอ้หนู เปดรี้ ยังปฏิเสธไม่ขอลาไปพักร้อน พร้อมกับกลับมาซ้อมโดยทันที และเกมเปิดสนามนัดที่ยำใหญ่ เรอัล โซเซียดาด ไป 4-2 พี่แกก็ได้ลงเต็มเกม 90 นาที แถมยังฟอร์มเฉิดฉาย สร้างอิมแพ็คให้ทีมได้มากมาย และแรงดีไม่มีตกอีกด้วย เรียกได้ว่านับวันยิ่งเหมือนไม่ใช่มนุษย์ขึ้นทุกที ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้ชื่อว่าเป็น “ปีศาจตัวต่อไปของ บาร์เซโลน่า”
ปัญหาที่ยังต้องแก้ไข
การเชือด เรอัล โซเซียดาด ด้วยผลสกอร์ 4-2 รวมไปถึงรูปเกมและโอกาสการเข้าทำต่างๆ แน่นอนว่ามันสวยหรูและเพอร์เฟคสุดๆ แต่ก็ไม่ใช่ บาร์เซโลน่า จะไม่เผยสิ่งที่เป็นจุดอ่อนออกมาให้เห็น จากสกอร์ที่นำขาดถึง 3-0 ไปๆ มาๆ ช่วงท้ายเกม เรอัล โซเซียดาด สามารถกลับคืนสู่เกมได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาทีในการไล่ตามมาเป็น 2-3 แน่นอนว่าสภาพของแฟนบอล รวมถึงกุนซืออย่าง โรนัลด์ คูมัน และพ่อค้าแข้งบนม้านั่งสำรองจากที่โอเคแฮปปี้อยู่ ไปๆ มาๆ กลับต้องมารู้สึกเสียวสันหลังและนั่งไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป
อย่าลืมนะว่าเสน่ห์ของเกมลูกหนังก็คือ “ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวินาที” ดังนั้นเมื่ออะไรๆ สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 90 นาที สิ่งที่ บาร์เซโลน่า ต้องแก้ไขก็คือความนิ่ง ความชัวร์ในการเล่นบอลแต่ละจังหวะ และต้องรักษาความเป็นมวยต่อให้ได้ตลอดทั้งเกม
การสูญเสียสภาพจิตใจและการจมดิ่งไปกับโมเมนตั้มในด้านลบตามรูปเกมนี่คือปัญหาของ บาร์เซโลน่า ที่เราเจอบ่อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายๆ ครั้งที่โดนนำก่อนน้อยครั้งที่เราจะเห็นพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ตลอดจนอีกหลายๆ เกมที่พวกเขาเล่นได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งแต่ไม่สามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้
การไล่มา 2-3 กับอีกช่วง 5 นาทีที่เหลือเราได้สัมได้ถึงปัญหาของ บาร์เซโลน่า แต่ยังโชคดีที่สุดท้ายมาได้ประตูตอกฝาโลงในช่วงทดเจ็บ พร้อมกับเก็บ 3 แต้มคนสำคัญไปได้ ไม่งั้นงานกร่อยแน่นอน
สปิริตระดับสูง
แน่นอนว่าการจากไปของ ลิโอเนล เมสซี่ ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ บาร์เซโลน่า แบบหาคำบรรยายใดๆ ไม่ได้ แต่สิ่งที่เราได้เห็นในเกมคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมามันคือฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมและไหลลื่นสุดๆ ต่อหน้าหมู่มวลแฟนบอลที่ยังตะโกนส่งเสียงเชียร์และให้การสนับสนุนกับทีมที่พวกเขารักแบบสุดหัวใจ ถึงแม้ผู้ที่เป็นโคตรตำนานอย่าง The GOAT จะไม่อยู่รับใช้พวกเขาอีกต่อไปแล้วก็ตาม
นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้เห็นถึงการยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงและการอยู่กับปัจจุบัน คนที่ยังอยู่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุดเพื่อสโมสรและแฟนบอลซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการสร้างตำนานบทต่อๆ ไป และการทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง นี่แหละที่เรียกกันว่าความเป็นมืออาชีพและความมีสปิริตในระดับสูง
