ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แนวรุกมากประสบการณ์แห่งค่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับว่าเป็นนักเตะที่อยู่ในสปอร์ตไลท์ มาตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ในศึก ยูโร 2020 เนื่องด้วยเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างขัดใจ ซึ่งแน่นอนส่วนใหญ่มักจะเป็นคำ ติฉินนินทา แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้าม สเตอร์ลิ่ง กำลังเป็นนักเตะคนสำคัญ ที่ทำให้ อังกฤษ กำลังก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะความหวังลุ้นแชมป์ ยูโร 2020 ที่เพลง It’s coming home กำลังแพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ดังนั้นจะพาไปดูว่า สาเหตุใดทำไม สเตอร์ลิ่ง ถึงมีปัจจัยสำคัญพา สิงโตคำราม ลุ้นคว้าโทรฟี่ ทั้งๆที่สร้างผลงานไม่ได้ถูกใจแฟนบอลมากนัก
ทำประตูต่อเนื่อง มีลุ้นดาวซัลโว
ถึงแม้ว่า อังกฤษ จะมี แฮร์รี่ เคน เป็นดาวยิงตัวความหวังของทีมชุดนี้ แต่กระนั้นคนที่พาให้ สิงโตคำราม เก็บ 7 แต้ม จาก 3 นัด ในศึก ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม และ ซัลโวใส่ เยอรมัน จนผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ต้องยกให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพราะ 4 ลูก ที่ทำได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ มาจากฝีเท้าของ สเตอร์ลิ่ง ถึง 3 ลูก
แน่นอนว่าคนที่ทำประตู จนติดโผดาวซัลโว จะได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ ฉะนั้นคุณไม่สามารถมองข้าม สเตอร์ลิ่ง ไปได้เลย เพราะมีโอกาสที่จะคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์นี้เช่นกัน เนื่องด้วยไล่ตามหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของดาวซัลโวจาก โปรตุเกส อยู่เพียงแค่ 2 ลูก เท่านั้น แต่ทว่าทัพ ฝอยทอง ตกรอบไปเรียบร้อย ดังนั้นหากพิจารณาจากสายของ ทรี ไลอ้อนส์ ก็มีลุ้นที่ ราฮีม จะขึ้นไปทาบสถิติ
เท่ากับว่า ถ้าหาก สเตอร์ลิ่ง สามารถพาทีมชาติอังกฤษ ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ หรือ ยิงประตูขึ้นไปทาบสถิติของ โรนัลโด้ ในศึก ยูโร 2020 หนนี้ เหมือนเขาพาตัวเองไปลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์เลยด้วยเช่นกัน ต่อให้ สเตอร์ลิ่ง จะโดนด่ามากเพียงไหน แต่หากสามารถพา สิงโตคำราม ไปถึงเป้าหมาย ทุกอย่างจะเงียบสงบทันที ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์
ประสบการณ์สั่งสม
เห็นแบบนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพิ่งอายุ 26 ปี เองนะครับ ว่ากันตามตรงในชีวิตนักฟุตบอลของเขา สามารถพีคได้มากกว่านี้อีกหลายขุม แม้ว่าช่วงหลังฟอร์มจะดูดรอปๆไปอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุดังกล่าว นับว่า นักเตะรายนี้ มีประสบการณ์สูงมาก หากเทียบกับจำนวนที่ได้ลงสนาม เพราะจากฉายา หนูราฮีม มาวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว เขานับว่าเป็นซีเนียร์ทั้งในนามสโมสร และ ทีมชาติ
โดย สเตอร์ลิ่ง เคยได้ออกสตาร์ทบนเวทีลูกหนังอาชีพ ตั้งแต่อายุ 17 ปี กับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่น 2011-12 ซีซั่นถัดมาก็ช่วยให้ หงส์แดง เฉืยดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครอบครอง โดยจากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมาถึงประมาณ 10 ฤดูกาล มันเป็นเวลาเพียงพอที่ทำให้ สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นพี่ใหญ่ของทีม ประสบการณ์สั่งสมเต็มสตรีม
และ สิ่งเหล่านั้นแหละครับ ที่ทำให้ สเตอร์ลิ่ง มีความเก๋าเกมมากขึ้น เรื่องฟอร์มการเล่น อาจเป็นฟอร์มส่วนตัว แต่กระนั้นการมีประสบการณ์แบบนี้ ทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกใช้งานทุกนัด ช่างขัดใจกับแฟนบอลที่อยากให้ดรอป สเตอร์ลิ่ง เป็นแค่สำรอง
แต่ถ้าคนไม่เคยผ่านร้อนมาขนาดนี้ คงไม่มีทางผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ ซึ่ง สเตอร์ลิ่ง กำลังทำให้เห็นว่า เขาเองก็กำลังใช้ประสบการ์ฟันฝ่าพา สิงโตคำราม ไปให้ถึงฝั่งฝัน และ เกมที่ต้องใช้ความเก๋าเข้ามาบดบี้ ซึ่ง ยูโร 2020 ขณะนี้ ทุกนัดถือว่าสำคัญหมด การมีนักเตะอย่าง สเตอร์ลิ่ง คอยประคอง มันสำคัญอย่างยิ่ง
ยิ่งโดนด่า ยิ่งมีแรงกระตุ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ ที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนด่าแบบจัดหนักมากขนาดนี้ เพราะเขาผ่านร้อนผ่านหนาว มาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น หากจำกันได้ ตอนที่เก็บข้าวของย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวราวๆ 50 ล้านปอนด์ ก็ถูกสาวก เดอะ ค็อป ด่าแบบไม่ขอเผาผีว่า “เป็นพวกหน้าเงิน” ถึงขั้นที่มาเยือนแอนฟิลด์เมื่อไหร่ จะถูกต้อนรับด้วยเสียงโห่เมื่อนั้น ทว่า สเตอร์ลิ่ง ก็รับมือได้ จนกลายเป็นความเคยชิน และ ทำให้เห็นว่าเขาย้ายไปเพื่อความสำเร็จจริงๆ
ประเด็นต่อมา สเตอร์ลิ่ง ถูกวิจารณ์เรื่องความเฉียบคม เพราะแท็คติคที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลือกใช้นั้น สเตอร์ลิ่ง เหมือนเป็นนักเตะคนสำคัญที่จะช่วยทำประตู แบ่งเบาภาระพวกกองหน้า แต่หลายๆครั้งเขาก็ขาดความเฉียบคม จนทำให้ เรือใบสีฟ้า เคยพลาดโอกาสผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม สเตอร์ลิ่ง รู้ดีว่าเขาต้องพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ จนสามารถยิงใน พรีเมียร์ลีก ได้แตะระดับ 20 ลูก ใน 1 ซีซั่นมาแล้ว
ฉะนั้น จากผู้ชายที่ผ่านน้ำ ผ่านอะไรมากมาย การได้โดนด่า อาจจะเป็นเหมือนแรงกระตุ้น ที่ทำให้ สเตอร์ลิ่ง คิดพัฒนาตัวเองให้ดีมากขึ้น เหมือนอย่าง ยูโร 2020 หนนี้ เพราะต่อให้ สเตอร์ลิ่ง จะถูกวิจารณ์มากมาย แต่ก็ยิงไปแล้ว 3 ประตู ซึ่งทำให้ อังกฤษ มีลุ้นผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพราะหากไม่มีเขา สิงโตคำราม ไม่มีทางมาถึงจุดนี้
เพื่อนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ต้องบอกว่า ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 .. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น “ไอ้ขี้เลี้ยง” ชอบหวงบอล ไม่ยอมส่งให้ใคร จนทำเสียไปเอง หรือ แม้กระทั่ง “ลูกรัก” เนื่องจากถูกส่งลงสนามทุกนัด ทั้งๆที่โชว์ฟอร์มได้อย่างขัดใจ เป็นที่มาของวลีที่ว่า “เล่นดีนั่งพัก ลูกรักจับลง”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าขัดใจ จนแฟนบอลด่าเละเทะ แต่กระนั้นเพื่อนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะจากผลงานที่เขายิงได้ 3 ประตู ต้องบอกว่าเพื่อนปั้นมาให้ล้วนๆ ชนิดที่เขาแค่วิ่งไปรอตรงหน้าประตู เพื่อเปลี่ยนเป็นประตูให้ได้เท่านั้น
ล่าสุด นัดที่ อังกฤษ ตบเอาชนะ เยอรมัน 2-0 ก็ต้องชมการต่อบอลของทีมชาติอังกฤษ ที่ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม จาก แฮร์รี่ เคน จ่ายไปให้ แจ็ค กรีลิช และ ออกบอลไปด้านซ้ายให้ ลุค ชอว์ ได้ ปาดเข้ามากหน้าปากประตู และ ก็เป็น สเตอร์ลิ่ง วิ่งเข้าซัดเข้าไปอีกครั้ง จริงๆแล้วลูกมันเหมือนจะง่าย แต่ก็ต้องชื่นชมเรื่องการหาตำแหน่ง และ ความเข้าใจเพื่อนร่วมทีม ของ สเตอร์ลิ่ง เช่นกัน
จากเหตุผลที่กล่าวมา บางที สเตอร์ลิ่ง อาจจะโชว์ฟอร์มไม่เข้าตา หรือ ขัดใจแฟนบอล แต่ถ้าเขายังทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อเถอะว่าสิ่งร้ายๆ จะถูกลบเลือนไปอย่างรวดเร็ว