แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้เวลาเตรียมหวนคืนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษอีกครั้งหลังจากที่ตัวเขานั้นว่างงานมา 1 ปีเต็มนับตั้งแต่ที่โดนทาง เชลซี ปลดจากตำแหน่ง
เอฟเวอร์ตัน คือสโมสรที่กำลังจะเตรียมให้โอกาสกุนซือวัย 43 ปีอีกครั้ง ซึ่งก็คงต้องบอกว่าเจ้าตัวยังถูกมองด้วยความสงสัยว่าตัวเขานั้นดีพอหรือเปล่า?
โทนี่ คาสคาริโน่ อดีตนักเตะของ “สิงห์บลูส์” มองว่า แลมพาร์ด เป็นกุนซือที่ “คาบช้อนเงินช้อนทอง” เพราะจากการที่เค้ามีโปรไฟล์สมัยเป็นนักเตะที่เข้าขั้นระดับโลก หรือจะมีลุงอย่าง แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ที่เป็นแบ็กให้สมัยได้งานที่ ดาร์บี้ ล้วนได้แบบโดยไม่ต้องใช้ฝีมือเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เจ้าตัวนั้นได้ก้าวขึ้นมาคุมทีมในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถือได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดที่น่าแปลกใจเอามากๆ จากทีมกลางตารางของแชมเปี้ยนชิพกับภารกิจนำ เชลซี สู่ความยิ่งใหญ่ แล้วก็อย่างที่เห็นกันผลสุดท้ายมันลงเอยด้วยการโดนไล่ออกจากตำแหน่งหลังคุมทีมราวหนึ่งปีครึ่ง แม้สถิติชนะ 44 เสมอ 17 แพ้ 23 จะไม่ได้เลวร้าย แต่กับทางสโมสรระดับต้นๆของอังกฤษอย่าง เชลซี ก็คงต้องบอกว่า “ไม่พอ”
ยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันอีกเยอะทีเดียวว่าสำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด, หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้โอกาสอีกครั้งที่ เอฟเวอร์ตัน ทั้งที่กับ เชลซี ก็คงต้องใช้คำว่าล้มเหลว
ด้วยผลงานดังกล่าวของกุนซือรายนี้รวมถึงเรื่องของแท็คติกที่ดูเหมือนยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึง “กึ๋น” ในการวางแผน ซึ่งหลายคนต่างก็มองว่าที่เขาได้มาอยู่ในตำแหน่งที่นานขนาดนั้นได้เป็นเพราะคำว่า “ตำนาน” ของสโมสรเลยอาจจะทำให้มีความเกรงใจกันอยู่บ้าง การโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือสิงโตแห่งกรุงลอนดอนถูกมองว่าตัดสินใจถูกต้องแล้วเมื่อมองถึงเม็ดเงิน 220 ล้านปอนด์ที่ทีมจ่ายไปในซัมเมอร์ 2020 แต่ผลงานกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ ขวัญและกำลังใจในห้องแต่งตัวก็ตกต่ำ แม้แฟนบอลบางส่วนจะมองว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับจูนนักเตะแต่ละคนให้เข้ากัน แต่สุดท้าย บรูซ บัค และ มารีน่า กรานอฟสกาย้า ก็ได้ตัดสินใจที่จะปลดจากตำแหน่ง และมันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทางบอร์ดบริหารของทีมได้ตัดสินใจถูกเมื่อคนที่มาแทนอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล สามารถที่จะพาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยม
ปัญหาใหญ่ของทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด หลักๆก็คือเกมรับของทีมที่เสียประตูเป็นว่าเล่น ในขณะที่ทางของ โธมัส ทูเคิ่ล ใช้ผู้เล่นชุดเดียวกันแต่สามารถทำให้ทีมแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะการฟื้นคืนชีพให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีม มันเลยทำให้เกิดคำถามที่ว่าเทรนเนอร์หนุ่มจัดการกับผู้เล่นระดับท็อปยังไงถึงได้จับดองจนกลายเป็นผลพวงมาถึงทุกวันนี้ที่เจ้าตัวยังไม่ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดหลังจบซีซั่นนี้
หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงคือเรื่องของความ “เครียด” ที่บางคนมองว่า แลมพาร์ด อาจจะต้องผ่อนคลายบ้าง แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังยอมรับว่าตัวเขานั้นเป็นพวกคิดเยอะ
อันที่จริงแล้วเจ้าตัวมีโอกาสที่จะได้คุมทีมอย่าง คริสตัล พาเลซ ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แล้ว แต่ในการพูดคุยกับทางบอร์ดบริหารของ “อีเกิ้ลส์” จบได้ไม่ดีนัก ทำให้สุดท้ายทางสโมสรเลยหันไปหาทาง ปาทริค วิเอร่า แทน
ถึงกระนั้นงานที่ เชลซี ก็ต้องมอบเครดิตบางส่วนให้กับทาง แลมพาร์ด ด้วย โดยเฉพาะในปีแรกที่เขาเข้ามาทำทีมทั้งที่ห้ามซื้อนักเตะเลยแถมซ้ำร้ายยังมาเสีย เอแด็น อาซาร์ ไปให้กับ เรอัล มาดริด เลยทำให้การที่ต้องปั้นดาวรุ่งอย่าง เมสัน เมาท์ และ รีซ เจมส์ ขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมยิ่งต้องได้รับการชื่นชมไม่มากก็น้อย
จากทั้งหมดที่กล่าวมาก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องบอกว่ามีคุณค่าเหลือล้นสำหรับ แลมพาร์ด ที่อยู่ทั้งแชมเปี้ยนชิพ และทีมระดับท็อปของประเทศ
1 ปีถือเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรกับการรักษาแผลใจ เขารู้สึกยังไม่พร้อมที่รับงานคุม บอร์นมัธ หนึ่งเดือนหลังจากแยกทางกับ เชลซี เช่นเดียวกับงานมที่ นอริช ซิตี้ ซึ่งเขาเองต้องการเวลาและกระตือรือร้นที่จะรอโอกาสเหมาะสม
ในตอนนี้เวลานั้นได้มาถึงแล้ว หวังว่ากุนซือรายนี้จะสามารถผนึกประสบการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมา สามารถพาทาง เอฟเวอร์ตัน ประสบความสำเร็จได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
รูป www.footballscotland.co.uk, www.skysports.com, www.standard.co.uk
เนื้อข่าว m.thsport.com