วันที่ มาร์ติน โอเดการ์ด หลุดจากบ่วงกรรมก็มาถึง เมื่อเขาได้ย้ายออกจาก เรอัล มาดริด แบบถาวร เซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล เป็นที่เรียบร้อย หลังจากโดนเมินมาอย่างยาวนาน ถูกส่งตัวให้ทีมอื่นยืมใช้งานเป็นว่าเล่น ชีวิตของเขา นับตั้งแต่อยู่กับ ราชันชุดขาว ผ่านร้อน ผ่านหนาวมามากมาย เขาต้องเจอกับอะไรกว่าจะมาจุดนี้ ไปติดตามกันครับ
– วันที่เข้าสู่ มาดริด
วันที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ตอบรับเซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด เหมือนว่า ราชันชุดขาว กลายเป็นผู้ชนะสิบทิศ เพราะสามารถเข้าวินเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป อาทิ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า มาได้
เนื่องจาก โอเดการ์ด เป็นเด็กมหัศจรรย์ที่โลกจับตา เพราะอายุแค่ 13 ขวบ ก็ก้าวขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ สตรอมก็อดเซต ทีมดังจากลีกนอร์เวย์ ประเทศบ้านเกิดได้แล้ว โดยตอน 15 ขวบ ก็แบกน้ำหนักลงเล่นในลีกสูงสุด สร้างสถิติลงสนาม และ ยิงประตู ด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก
สมัย 15 ปี เรายังนั่งเล่นดีดลูกแก้ว แต่ โอเดการ์ด ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ติดทีมชาติเข้าแคมป์ นอวีเจี้ยน ไม่ใช่แค่เรียกไปเป็นไม้ประดับ หรือ เอาประสบการณ์ แต่ถูกส่งลงสนามในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก สร้างสถิติเป็นอายุน้อยสุด ด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นแหละครับ ทำให้ยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ตามจีบ และ กลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ได้ตัวมาครอง
– หนทางสู่ มาดริด ไม่เป็นดั่งที่ฝัน
ถึงแม้ โอเดการ์ด จะมีฉายาคือ ลิโอเนล เมสซี่ แห่งประเทศนอร์เวย์ แต่เขาก็เลือกไปอยู่กับ มาดริด เมื่อปี 2014 ซึ่งตอนนั้นเพิ่งมีสถานะเป็นแชมป์ยุโรป พร้อมกับมีสตาร์ลูกหนังคับคั่ง นำมาโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดย ราชันชุดขาว เปย์ค่าจ้างระดับมหาโหดถึง 8 หมื่นปอนด์ ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 3.2 ล้านบาท) หากเทียบกันกับชีวิตในช่วงวัย 16 ปี ของหลายๆคนได้เงินจากพ่อแม่ไปกินขนม สัปดาห์ละ 500-1000 บาท
อย่างไรก็ตามเส้นทางความฝันของ โอเดการ์ด กับ มาดริด ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ ที่นี่ไม่เหมือนกับ สตรอมก็อดเซต ที่เขาได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุ 15 ขวบ เพราะ เมสซี่ แห่ง นอร์เวย์ ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้เลย เขาไม่มีทางเบียดซุปตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า หรือ กองกลางที่มีทั้ง โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช
ปีแรกกับ มาดริด ความฝันที่จะได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ แทบฝันสลาย เขาได้ลงเล่นบนเวที ลา ลีกา สเปน แค่นัดเดียว แล้วเป็นนัดส่งท้ายซีซั่น แทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะตลอดที่อยู่กับ ราชันชุดขาว เขาถูกส่งลงไปเล่นกับทีมสำรอง กาสตีย่า เนื่องจากทีมชุดใหญ่มันสูงเกินไป กับเด็กวัยอย่างเขา
อีกทั้งเขามีอีโก้ ไม่อยากซ้อมกับทีมสำรอง เพราะมาที่ มาดริด ด้วยชื่อเสียงโด่งดัง ขนาด ซีอาร์ 7 ยังออกปากชม ดังนั้นเขาเลือกไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่มากกว่า และ จะมาประชุมแผนกับทีมสำรองก่อนแข่ง ซึ่งเป็นแบบนี้เกือบตลอด 2 ปีครึ่ง
ต่อให้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ก็แทบไม่เคยได้ลงสนาม อีกทั้งผลงานกับทีม กาสตีย่า เวลาเขาได้ลงเล่น ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ เพราะแทบไม่ได้ซ้อมกับเพื่อนๆ จะไปเล่นรู้ใจได้อย่างไร ทำให้สุดท้าย มาดริด ต้องตัดสินใจปล่อย โอเดการ์ด ไปอยู่กับ ฮีเรนวีน ทีมในลีกดัตช์ ด้วยการเซ็นสัญญายาว 18 เดือน
– โอเดการ์ด ได้ลงสนามแบบสมใจหวัง เพราะ มาดริด ใส่เงื่อนไขโหด
การปล่อย โอเดการ์ด ออกไปเก็บชั่วโมงบิน นับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับตัวนักเตะ และ สโมสร เพราะว่ากันตามตรง โอเดการ์ด กระโดดข้ามขั้นมาเร็วไป เพราะกว่าที่คุณจะเติบโตจนเดินได้ ก็ต้องผ่านการคืบคลานมาก่อน ดังนั้นการค่อยๆไต่เต้าตามวัย เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
โอเดการ์ด ได้ลงสนามช่วย ฮีเรนวีน แบบสม่ำเสมอ ว่ากันว่า มาดริด ใส่เงื่อนไขมหาโหดเอาไว้ นั่นคือถ้า โอเดการ์ด ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แล้วทาง ฮีเรนวีน ไม่ส่งลงสนาม จะโดนปรับเงิน 34,000 ปอนด์ (ราวๆ 1.4 ล้านบาท) โดยตลอด 1 ซีซั่นครึ่ง โอเดการ์ด ลงช่วยทีมไป 43 นัด ยิงได้ 4 ประตู และ พาทีมจบได้ถึงอันดับ 8 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีกว่า ก่อนที่เขาจะย้ายมาร่วมทีม
– วิเทสส์ อาร์เน่ม คือเวทีแจ้งเกิด ให้ โอเดการ์ด กลับมาโด่งดังอีกครั้ง
ต่อให้ เรอัล มาดริด จะมีการเปลี่ยนกุนซือ จาก ซีเนอดีน ซีดาน มาเป็น ฆูเลน โลเปเตกี เมื่อปี 2018 แต่สถานะของ โอเดการ์ด ก็ไม่เปลี่ยนไป ความหวังของเขาที่จะกลับไปเล่นชุดใหญ่ให้กับ ราชันชุดขาว พังทลายลงอีก เพราะโดนตัดชื่อออกจากทีมช่วงกำลังเริ่มฤดูกาลใหม่ แต่กระนั้นสโมสรยังคงแทงกั๊ก ไม่ปล่อยตัวไปไหน จึงส่งตัวเจ้าหนูรายนี้ ไปให้ทีมลีกดัตช์ยืมตัวอีกครั้ง คราวนี้เป็นทีมที่ชื่อชั้นดีกว่าอย่าง วิเทสส์ อาร์เน่ม
เมื่อขยับไปเล่นกับ วิเทสส์ ได้เล่นกับนักเตะที่ฝีเท้าดีขึ้น กลายเป็นว่า โอเดการ์ด กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง เพราะว่ากันตามตรง ตอนไปอยู่กับ ฮีเรนวีน ชื่อเสียงแทบจะหายตายจากไปเลย พอมากับ วิเทสส์ เขาถูกพูดถึงอีกครั้ง ด้วยการยิง 8 ประตู พร้อมทำอีก 10 แอสซิสต์ ในการลงเล่น 31 นัด
จากฟอร์มดังกล่าว โอเดการ์ด พา วิเทสส์ อาร์เน่ม จบอันดับ 5 ของลีก พร้อมกับทีมยอดเยี่ยมของลีก เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ .. ซึ่งลีกดัตช์ นี่แหละครับ ช่วยให้ โอเดการ์ด ได้เรียนรู้โลกแห่งความจริง ว่าเขายังต้องพัฒนาอีกมาก กว่าจะไปถึงจุดสูงสุด จะไปอีโก้คิดว่าตัวเองเคยเป็น “เด็กอายุ 15 ปี ที่เก่งที่สุดในโลก” ไม่ได้อีกแล้ว
– ได้สัมผัสเวที ลา ลีกา สเปนเต็มตัว
ผลงานของ โอเดการ์ด กับ วิเทสส์ ทำเอา มาดริด รู้ซึ้งดีว่า เด็กคนนี้รอวันผลิดอกออกผล แต่กระนั้นการจะส่งไปอยู่ในลีกดัตช์เหมือนเดิม อาจจะเจอกับประสบการณ์ซ้ำซาก เพราะตอนที่กลับมาสู่อ้อมอกสโมสรในปี 2019 ดาวเตะรายนี้ ก็มีอายุ 21 ปี เป็นวัยที่ควรจะต้องได้เล่นลีกระดับที่สูงกว่านี้ ซึ่ง ลา ลีกา สเปน คือเวทีที่เหมาะสมที่สุด
และ เรอัล โซเซียดาด ทีมชั้นนำของแดน “กระทิงดุ” ก็อาสาชุบเลี้ยง ยืมตัว โอเดการ์ด ไปใช้งาน ซึ่งมันถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ใครๆก็อยากได้นักเตะรายนี้ไปร่วมทีม แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ความรู้สึกของแข้งชาวนอร์เวย์ ก็คงมีคิดในใจแล้วว่า “ทำไมถึงถูกปล่อยยืมตัวอยู่ตลอด หรือ ว่าฝีเท้ายังไม่ดีพอเล่นให้กับ มาดริด ?”
โอเดการ์ด ไม่หือไม่อือ เขาเก็บข้าวของไปเล่นให้กับ ลา เรอัล อย่างน้อยก็ได้ลงสนาม และ ได้ลงเล่นในเวที ลา ลีกา สเปน ที่เขาใฝ่ฝัน จริงๆแล้วยังมี ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่สนใจอีกทีมเช่นกัน แต่เป็นเพราะ บียอร์น ทอเร่ ควาร์เม่ เอเย่นต์ส่วนตัว เคยเป็นอดีตนักเตะ โซเซียดาด ดังนั้นจึงเลือกไม่ยาก
ซึ่งการตัดสินใจของ โอเดการ์ด มันถูกต้อง เขาฉายแววความเป็นยอดนักเตะ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก สร้างสรรค์เกมให้กับทีม โดยตลอดการลงเล่นให้กับ โซเซียดาด 31 นัด เขายิงไป 4 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ อาจจะน้อยไปหน่อยในสายตา แต่ โอเดการ์ด คือกำลังสำคัญ พาทีมผ่านเข้าไปรอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์
น่าเสียดายที่ โอเดการ์ด ต้องแยกทางกับทีม แบบไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะตอนนั้น รอบชิงชนะเลิศ เมื่อซีซั่น 2019-20 ถูกระงับเอาไว้ก่อน เนื่องจาก โควิด-19 ระบาดหนัก แต่อย่างน้อยผลงานของเขาก็ไม่สูญเปล่า เพราะถูกยกย่องจากสื่อเลยว่า อนาคตจะก้าวเข้ามาแทน ลูก้า โมดริช กองกลางตัวเก๋าของ มาดริด
– กลับมา มาดริด รอบนี้ สำรองยาว
จากประสบการณ์ที่ โอเดการ์ด สั่งสมมา ทำให้เขามีความหวังอีกครั้ง ว่าคงจะดีพอเป็นตัวเลือกให้กับ มาดริด เพราะอุตส่าห์ไปเรียกตัวกลับมา แต่ทว่าตอนนั้น ซีเนอดีน ซีดาน กลับมาคุมทีม มาดริด อีกครั้ง มันยังไม่เพียงพอที่จะพิชิตใจ “ซิซู” ได้เลย เขายังนั่งเป็นสำรองให้กับ 3 มิดฟิลด์ตัวเทพ ราชันชุดขาว
โดยนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น 2020 โอเดการ์ด ได้ลงเล่นไปแค่ 7 เกม ไม่สามารถทำประตู หรือ แอสซิสต์ ให้เพื่อนได้เลย ซึ่งมันส่งผลมาจากการถูกดรอปเป็นสำรอง บางนัดจบเกมแล้วยังถูกสั่งไปวิ่งวอร์ม พอผลงานไม่ดี ทำให้เขายิ่งหมดความสำคัญในทีม มาดริด มากขึ้นเรื่อยๆ และ จุดแตกหัก ก็คงเป็นเกม โกปา เดล เรย์ ที่เจอทีมสมันน้อยจากลีกรอง แต่ โอเดการ์ด กลับไม่มีชื่ออยู่ในทีม นั่นแหละครับ ดาวเตะรายนี้ ขอขึ้นบัญชีย้ายทีม ในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว 2021
– อาร์เซน่อล มอบพื้นที่ให้กับ โอเดการ์ด
ตอนที่ โอเดการ์ด ขอย้ายทีม แน่นอนว่า เรอัล โซเซียดาด อยากได้ตัวไปร่วมทีมมากเหลือเกิน เพราะจะได้มาสานต่อภารกิจชิงโทรฟี่ โกปา เดล เรย์ ที่ต้องเจอกับ แอธเลติค บิลเบา เพราะมันเลื่อนมาเตะช่วงเดือนเมษายน 2021 โดยยื่นเงื่อนไขขอซื้อตัวแบบถาวร
แต่ มาดริด เหมือนกลัวเสียของดีไป ต่อให้ ซีดาน ไม่ใช้งาน ทำให้พวกเขาไม่อยากขายขาด ซึ่งมันพอดิบพอดีที่ อาร์เซน่อล ยื่นข้อเสนอเข้ามา โดยมีออปชั่นแค่ยืมไปใช้งานเท่านั้น เพราะตอนนั้นทีมต้องเสีย เมซุต โอซิล ออกไป มีเพียง เอมิล สมิธ โรว์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่ง คนเดียว สุดท้าย ราชันชุดขาว จึงเลือกส่งไปให้ “ไอ้ปืนใหญ่”
คราวนี้ โอเดการ์ด จะได้พิสูจน์ฝีเท้าของเขาให้เห็นว่ากล้าแกร่งพอหรือยัง เมื่อต้องมาเล่นในลีกที่ดีที่สุดในโลก และ ดาวเตะนอร์วีเจี้ยน ก็ใช้เวลาไม่นาน สามารถพิชิตใจสาวก เดอะ กันเนอร์ส ได้อย่างรวดเร็ว ปรับตัวเข้ากับสไตล์ของทีมได้เนียนกริ๊บ เป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในแนวรุก
ถึงแม้จะมีช่วงเวลาที่เจ็บไป แต่อย่างน้อย โอเดการ์ด ได้ลงสนามให้กับ อาร์เซน่อล บนเวที พรีเมียร์ลีก ไป 14 นัด ยิง 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ แต่การสร้างสรรค์เกมรุก มันมากกว่านั้น จากเดิมที่เคยคิดแค่ยืมมาใช้งาน พอเล่นแบบนี้ก็อยากได้ตัวมาร่วมทีมถาวร ไม่อยากส่งกลับให้ มาดริด อีกแล้ว
– โอเดการ์ด ได้ย้ายทีมถาวร
สัญญา ต้องเป็น สัญญา ถึงแม้ อาร์เซน่อล อยากเก็บ โอเดการ์ด เอาไว้ แต่ด้วยออปชั่นยืมตัว ก็จำต้องยอมส่งคืนให้กับ เรอัล มาดริด ทว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ถ้าอยู่กับทีมต่อไป ดูทรงแล้วยังไงก็ต้องนั่งสำรอง เพราะไม่มีทีท่าเลยว่า โมดริช หรือ โทนี่ โครส จะเสียตำแหน่ง
แต่มันก็กลายเป็นโอกาสให้กับ อาร์เซน่อล ได้แสดงเจตจำนงค์ว่าอยากได้ตัว โอเดการ์ด มาร่วมทีมจริงๆ นับว่าเป็นนักเตะที่ตรงสเป็ค มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใหญ่ สุดท้าย มาดริด ไม่ยื้อนักเตะรายนี้เอาไว้อีกแล้ว ตัดสินใจปล่อยให้กับ “ไอ้ปืนใหญ่” ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,325 ล้านบาท) เซ็นสัญญาร่วมงานกัน 5 ปี
จากเด็ก 15 ปี ที่เป็นสำรองของ มาดริด และ ถูกส่งให้ทีมอื่นใช้งานเป็นว่าเล่น วันเวลาผ่านไป 7 ปี ตอนนี้ โอเดการ์ด จะก้าวขึ้นมาเป็นจอมทัพสำคัญให้กับ อาร์เซน่อล เรื่องฝีเท้าไม่มีใครสงสัยในความเก่งกาจ แต่ต่อจากนี้เขาต้องพิสูจน์ให้ได้ ว่าจะสามารถสร้างพิษสงได้ขนาดนี้ เมื่อต้องมารับบทเป็นจอมทัพ ลุยลีกที่ดีที่สุดในโลก
เวลาจะเป็นคำตอบทุกอย่างสำหรับ โอเดการ์ด ว่าอดีตฉายา “เด็ก 15 ปีที่เก่งที่สุดในโลก” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย บางทีอาจจะได้เห็นนักเตะรายนี้ ลงช่วย อาร์เซน่อล พบกับ เชลซี เลยก็เป็นได้