ข่าวฟุตบอล แมนยู

   ต้องบอกเลยว่าโอกาสการทำประตู 0 ครั้งในครึ่งแรกของ เบิร์นลีย์ ที่เล่นมันก็อาจจะสมกับเป็นทีม “บ๊วย” แต่ในทางกับกันการบุกอย่างเมามันของ แมนฯยูไนเต็ด ที่สามารถยิงเข้าถึง 3 (ถูกริบไป 2) และในท้ายที่สุดเกมพลิกจบด้วยการแบ่งแต้มไปแบบงงๆ หากมองจากรูปเกมใน 45 นาทีแรกของ “ปีศาจแดง” ก็คงเชื่อลึกๆว่าถ้าไม่พลาดกันเองและได้ลูก 2 ทุกอย่างก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการมาเก็บสามคะแนน แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวหลังเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงแค่ 2 นาทีกลายเป็นจุดพลิกผันและส่งผลในบั้นปลายคือเสียอันดับ 4 ให้ เวสต์แฮม 

   แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ยังคงสามารถรักษาการเข้าบอล “พรวด” ไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่มีอ่านเกมหรือเข้าบอลเผื่อเสียเหลี่ยมไว้บ้างเลย คือเข้าแบบทั้งตัวหลุดแล้วหลุดเลย จังหวะนี้เองก็คงต้องบอกเลยว่าหมดราคา (ที่ลดฮวบฮาบมานานแล้ว) หลังถูก วูท เว้กฮอร์สต์ กองหน้าป้ายแดงเจ้าของความสูง 197 ซม. โชว์ทักษะพลิกบอลทีเดียวคู่เซนเตอร์หายจากหน้าบ้านทันที ที่บอกว่าหายเพราะทางด้าน ราฟาเอล วาราน คอยตามคู่ของตัวเองอยู่คือ เจย์ โรดริเกซ 

แต่พอ “กัปปิตันแม็ค” เอา เว้กฮอร์ตส์ ไม่อยู่ทำให้ภาระเลยตกมาอยู่กับทาง วาราน ต้องวิ่งหน้าตั้งไปช่วยสกัดมันเลยกลายเป็นเปิดช่องให้ทาง โรดริเกซ หลุดไปทำประตู

เรียกว่าจังหวะนี้พังทั้งกระดานและโมเมนตั้มจาก เบิร์นลีย์ ที่เล่นบอลแทบจะไม่มีทรงจ่ายบอลธรรมดายังไม่ตรงกลายเป็นดูดีกว่าเดิมขึ้นมาทันตาเห็น

   แม็คไกวร์ นอกจากที่เจ้าตัวจะทำเสียลูกนี้แล้วเขายังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ถูกริบลูกโหม่งสวยๆของ วาราน ในนาที 14 หลังตัวเองซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าแล้วไปขัดขวาง เจย์ โรดริเกซ โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่ขวาง อดีตแข้ง เซาธ์แฮมป์ตัน จะทำอะไรกับลูกนี้ได้ไหมในเมื่อ วาราน อยู่ข้างหน้าแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรก็ไม่น่าตกใจไปกว่าประตูนี้เป็นโอกาสหนแรกของเจ้าถิ่นที่มีโควต้ายิงประตูนัดละไม่ถึง 1 ลูกและยิงน้อยที่สุดในลีกรองจาก นอริช แถมเอาจริงๆเกมนี้นอกจาก เว้กฮอร์สต์ แล้วแต่ละคนก็เล่นไม่ได้มีฟอร์มที่ดีเด่นอะไร คนที่คล่องที่สุดในทีมอย่าง ดไวท์ แม็คนีลล์ เรียกได้ว่าเล่นแย่มาก ช็อตที่เด่นสุดก็ตอนลากหลบ 2 แหวกไปยิง นอกนั้นเสียบอลแบบไม่ควรจะเสียเลย

   นี่คือหนึ่งเกมที่ทาง ยูไนเต็ด มีความต้องการ 3 แต้มเอามากๆเพราะนอกจากในเรื่องของ top 4 แล้วมันไม่มีอะไรดีกว่าการหาระบายหลังฟ้าผ่าตกรอบ เอฟเอ คัพ ในบ้านตัวเองด้วยน้ำมือของทีมรองบ่อน

แมคไกวร์ คนเดิม ผีหาย 2 แต้ม 1

   เร้ด อาร์มี่ อาจจะเสียดายช่วงพีคสุดในครึ่งแรกที่ได้มาแค่ลูกเดียวซึ่งท้ายที่สุดมันพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอกับการแลกหมัดของ ชอน ไดช์ ที่เปลี่ยนจากสูตรโบราณ 4-4-2 มาเป็น 4-3-3 พร้อมเลิกคุมโซนหันมาเพรสหนักๆใส่คืน

   พูดถึงรูปเกมในครึ่งหลังออกมาคนละเรื่องเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดกราฟฟิคขึ้นในนาที 77 โอกาสทำประตูกลับด้านเป็น เบิร์นลีย์ 7 ส่วนทีมเยือน 1 

  แต่อีกไม่กี่วินาทีโอกาสที่จะนำรอบ 2 และเชื่อว่าน่าจะเป็นประตูชัยของ ยูไนเต็ด แต่ลูกไขว้ยิงแค่ 4 หลาของ วาราน แต่ดันไปติดเซฟ นิค โป๊ป แบบไม่น่าเป็นไปได้

   ส่วนตัวต้องบอกว่าชอบครึ่งแรกของ “ปีศาจแดง” เอามากๆที่เกมรุกเอียงซ้ายหลัง จอร์ดอน ซานโช่ ได้บอลสร้าง impact ได้ดีกว่าฝั่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการเล่นเข้าขากับทางด้าน ลุค ชอว์ ที่ทุกครั้งที่ speed วิ่งเลาะไลน์แนวรับเจ้าถิ่นบอลออกจากเท้าของ JS น้ำหนักพอดีและเป็นอีกครั้งที่ลูก cross สวยๆจาก ชอว์ จนนำมาสู่ OG. ของ เบน มีในนาที 21 ถูกริบจากการทำฟาว์ลของ พอล ป็อกบา

   ในขณะที่การดร็อปตัวเก่งอย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวสำรองทำให้การเพรสในแดนบนของ ยูไนเต็ด ค่อนข้างกระชับและได้ผลทำให้ฝั่ง เบิร์นลีย์ ที่สไตล์นักเตะออกแนวทื่อๆเอาบอลออกมาได้น้อยมาก

   ถ้าจะพูดว่าตัวเองเล่นดีคู่แข่งเล่นแย่มันก็คำพูดลอยๆแต่ในเมื่อฟุตบอลนำเพียงแค่ลูกเดียว คุณก็ต้องพร้อมรับความเสี่ยงเหมือนที่ “ปีศาจแดง” โดนทีเดียวหน้าหงายกันไปนี่แหละครับ

 สถานการณ์ในตอนนี้ของ แมนฯยูฯ ดูทรงแล้วเหมือนจะเหนื่อยกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะ “ขุนค้อน” แซงนะครับแต่เป็นทีมที่กำลังตามมามากกว่า

  อาร์เซนอล และ สเปอร์ส ตาม 3 แต้มแต่เตะน้อยกว่า 2 เกมและ 3 เกมตามลำดับ เรียกว่ารอโดนแซงเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่นับทั้ง วูลฟ์แฮมป์ตัน ที่ช่วงหลังฟอร์มน่ากลัวมากก็ตามมา 5 แต้มแต่เตะน้อยกว่า 2 เกม

   แต่อย่าลืมว่าทาง “ปีศาจแดง” ต้องเก็บแต้มในเดือนนี้ให้ได้มากที่สุดและเสียแต้มให้น้อยที่สุดเนื่องจากเดือนหน้าเจอของหนักรออยู่ติดๆกันอีกเพียบ 

   และขอทิ้งท้ายไปด้วยชัยชนะของทาง นิวคาสเซิ่ล ที่ทำให้ทีมหลุดพ้นมาจากโซนอันตรายขึ้นมาอยู่อันดับ 17 และลบล้างฝันร้ายสถิติที่ไม่เคยชนะใครเลยหากถูกยิงนำไปก่อนไว้ที่ 10 นัด

ลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว เรียกได้ว่าวิ่งอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่เสียงนกหวีด แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ดังกันเลย คือหมายมั่นปั้นมือว่าต้องเอาชนะในเกมนี้และดึง เอฟเวอร์ตัน ให้แต้มหยุดอยู่กับที่ (เพื่อจะได้ใช้เป็นบันไดปีนไต่อันดับ) อาจจะทำให้ ทูน อาร์มี่ เครียดเล็กน้อยเพราะดันเสียประตูไปก่อนแต่ก็เอาคืนได้ทันควันภายในนาทีเดียว ที่สำคัญ ทั้ง 2 ประตูเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง ในความอับโชคของ แฟร็งค์ แลมพาร์ด คือการเสียผู้เล่นตัวแบกในตัวรับและรุกทั้ง เดมาราย เกรย์ (นาที 25) และ เยร์รี่ มีน่า (นาที 35) 

Squad depth ไม่ได้มีตัวเลือกมากนักทำให้ เดลลี่ อัลลี่ ต้องถูกส่งลงอย่างไวและเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฟอร์มการเล่นของเขายังไม่กลับมาเหมือนเดิมหลังทำเสียบอลกลางสนามจนนำมาสู่ประตูพลิกแซง 2-1 ในนาที 56

ก่อน คีแรน ทริปเปียร์ จะมาปั่นฟรีคิก ผ่านกำแพงก่อนหมดเวลา 10 นาที ทำให้ “ท๊อฟฟี่” เข่าอ่อนยอมแพ้ไป

วันนี้แฟนบอลได้เห็นฟอร์มของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค นักเตะที่น่าสงสารที่สุดลงเล่นราวๆ 30 นาทีหลังมาแทน อังเดร โกเมส (ที่มีใบเหลืองติดอยู่) เท่าที่ดูช่วงแรกโดนบีบแล้วอาจจะมีอาการลนนิดหน่อยแต่พอจับจังหวะได้เริ่มถ่ายบอลและเอาตัวรอดได้ดีระดับนึง

การเสียโควต้า 2 ตัวในครึ่งแรกมันเลยทำให้การแก้เกมของ แลมพ์ ยากขึ้นไปอีก จำใจต้องเอาโควต้าสุดท้ายมาเปลี่ยน โกเมส ออกเพื่อเลี่ยง 2 เหลือง หาไม่แล้วเชื่อว่า โดมินิค คัลเวิร์ท-เลวิน และ อเล็กซ์ อิโวบี้ จะถูกส่งลงมาตอนสกอร์ตามหลัง 2-1 แน่ๆ และในความพ่ายแพ้ของ เอฟเวอร์ตัน ก็ต้องเรียกว่าขอต้อนรับสู่การหนีตกชั้นอย่างเป็นทางการหลังอยู่เหนือ นอริช ที่อันดับ 18 แค่ 3 แต้ม แม้จะเตะน้อยกว่าทีมอันดับ 17,18,19 อยู่ 1 เกมแต่จากฟอร์มแพ้ 4 เกมรวดไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าความได้เปรียบที่ว่ามันจะได้เปรียบสมชื่อจริงๆแค่ไหน…

แมคไกวร์ คนเดิม ผีหาย 2 แต้ม 2

รูป www.thairath.co.th, football.kapook.com, footballdaily365.com

เนื้อข่าว www.soccersuck.com

ข่าวบอลล่าสุด