นับตั้งแต่ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าร้อนปี 2021 ได้ปิดฉากลง เหล่าบรรดานักเตะใหม่หลายๆ คนก็ได้การแสดงฝีมือให้แฟนบอลและต้นสังกัดใหม่ได้ยลโฉมกัน
วันนี้สิ่งที่ “ขอบสนาม” อยากนำเสนอก็คือการรวบรวม “นักเตะใหม่ที่แววดีมีสิทธิ์เฉิดฉายกับต้นสังกัดใหม่ได้แบบทันที” จะมีใครบ้างนั้นไปชมกัน
โรเมลู ลูกากู – เชลซี
ได้กลับมาทำตามฝันและพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับต้นสังกัดเก่า เชลซี ด้วยค่าตัวที่มหาศาลถึง 97.5 ล้านปอนด์สำหรับ โรเมลู ลูกากู ท่ามกลางข้อกังขาสมัยที่ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดนวิจารณ์ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่หรือการจับบอล
โรเมลู ลูกากู ได้ประเดิมสนามในเกมบิ๊กแมตช์ทันทีที่บุกไปเยือน อาร์เซน่อล ในศึก ลอนดอน ดาร์บี้ และก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมต่อยอดมาจาก อินเตอร์ มิลาน เขามีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากไม่ใช่แค่โอกาสการทำประตู แต่ยังมีการจ่ายบอลที่ดีอีกด้วย ตลอดจนการดวลกับแผงกองหลังของ “ไอ้ปืนใหญ่” ลูกากู ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
และนั่นคือเกมที่ “พี่ตู้” เปิดตัวได้สวยมากๆ กับการซัดไป 1 ประตู มีโอกาสง้างเท้ายิงทั้งหมดถึง 8 ครั้ง ไหนจะเรื่องของการจับบอลในกรอบเขตโทษ, การครองบอล เก็บบอลในกรอบเขตโทษ เขาคือคนที่สถิติดีที่สุดในวันนั้น แน่นอนว่าการพา เชลซี บุกไปทุบคู่อริร่วมเมืองถึง 2-0 พี่แกก็คือคนที่ต้องได้รับความดีความชอบมากที่สุดคนหนึ่ง
ส่วนในเกมกับ ลิเวอร์พูล ถึงตัวของ ลูกากู จะสู้และปะทะกับแนวรับของศัตรูได้ดี แต่พี่แกก็แทบจะไม่ได้สร้างบททดสอบหรือสร้างแรงกดดันให้กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เลย แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดีเพราะตัวผู้เล่นของ เชลซี นั้นเป็นรองในเรื่องของจำนวน ทำให้รูปเกมต้องปรับไปเน้นรับแบบเต็มตัว
แต่ถ้าเกิดมองในภาพรวมตลอด 2 เกมที่ได้เตะกับทีมใหญ่ทั้งหมดก็จัดว่า โรเมลู ลูกากู อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย ด้วยประสบการณ์บนเวที พรีเมียร์ลีก ที่เคยสั่งสมมากับ เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บวกกับการพิสูจน์ตัวเองในต่างแดนกับ อินเตอร์ มิลาน มันทำให้ ลูกากู เป็นนักเตะที่เก่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมและก็ไม่มีปัญหาใดๆ ในเรื่องของการปรับตัวเลยสักนิด
ราฟาเอล วาราน – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝันเป็นจริงสักทีเพราะในที่สุดพวกเขาก็ได้ตัว ราฟาเอล วาราน มาครอบครองซึ่งเป็นกองหลังที่หมายหัวมาเนิ่นนานหลายปี แต่ขณะเดียวกันตัว กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ก็ต้องเจอกับบททดสอบครั้งสำคัญ เพราะสังเวียน พรีเมียร์ลีก ก็ถือเป็นเวทีปราบเซียนเหมือนกัน
ราฟาเอล วาราน ได้ประเดิมสนามนัดแรกไปแล้วในเกมที่บุกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน โดยได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ อย่างที่แฟนๆ “เร้ด เดวิลส์” ทุกคนใฝ่ฝัน ถึงรูปเกมในวันนั้นของทีมมันอาจไม่ได้ดูดีอะไรมากมายนัก และก็มีสิทธิ์โดนยัดเยียดความปราชัยเหมือนกัน
แต่ถ้าวัดแค่ผลงานส่วนตัว ราฟาเอล วาราน จัดว่าโดดเด่นและเล่นได้ดีมากๆ เลยทีเดียว มีช็อตสกัดบอลสำคัญๆ ให้เห็น สามารถรับมือกับอาวุธเด็ดอย่าง ราอูล ฆิเมเนซ ได้โอเคเลย แถมประตูชัยที่เกิดขึ้นในเกมนั้นพี่แกก็มีส่วนร่วมกับมันด้วยจากการแอสซิสต์ให้ เมสัน กรีนวู้ด ส่งบอลซุกก้นตาข่าย
“เขาเป็นนักเตะที่มีคลาส นิ่งและใจเย็นสุดๆ ด้วยประสบการณ์, การครองบอล การเล่นลูกกลางอากาศ เขามีทุกสิ่งที่ผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กควรมี ดังนั้นผมจึงประทับใจฟอร์มการเล่นของเขามากๆ” นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปาก โอเล กุนนาร์ โซลชา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันการันตีชั้นดีถึงศักยภาพของนักเตะคนนี้ ดูแล้วนับจากนี้ไป ราฟาเอล วาราน น่าจะได้ยืนเป็นตัวจริงยาวๆ พร้อมกับกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลแน่นอน
แจ็ค กรีลิช – แมนเชสเตอร์ ซิตี้
การที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดการทุ่มเงินในระดับสถิติของสโมสรและเกาะอังกฤษที่ 100 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับ แจ็ค กรีลิช แน่นอนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หมายมั่นปั้นมือเลยว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งอาวุธเด็ดของทีมในการล่าความสำเร็จ เช่นเดียวกับแฟนบอลเองก็อยากเห็น แจ็ค กรีลิช ในร่างที่แกร่งหรือไม่ก็โหดยิ่งกว่าตอนอยู่กับ แอสตัน วิลล่า
แจ็ค กรีลิช จะเริ่มมาโดดเด่นจริงๆ ก็คือเกมที่ถล่ม นอริช ซิตี้ 5-0 เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ปรับเขาจากตอนยืนเป็นมิดฟิลด์ในนัดแพ้ สเปอร์ส ให้มายืนเป็นปีกซ้ายแทนที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และนั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะคร้าบเลย เพราะนั่นคือพื้นที่ๆ แจ็ค กริลิช สามารถปล่อยของออกมาได้เต็มศักยภาพ ไล่ตั้งแต่การใช้เทคนิคและความคล่องตัวในการสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับคู่แข่ง และด้วยทักษะการสร้างสรรค์เกมที่เป็นพรสวรรค์มันก็ยิ่งทำให้ศักยภาพเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ น่ากลัวขึ้นไป
เกมเจอ อาร์เซน่อล น่าจะเป็นบททดสอบที่ทำให้เห็นประสิทธิภาพของ แจ็ค กรีลิช ชัดเจนที่สุด เขาดูมีความเป็นตัวเองมากขึ้น เล่นได้อิสระมากขึ้น และนั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าไล่บดขยี้ อาร์เซน่อล อยู่ฝ่ายเดียว มีโอกาสยิงที่มากมายถึง 25 ครั้ง ตลอดจนโอกาสเข้าทำต่างๆ นาๆ ก่อนที่เกมจะจบที่สกอร์ 5-0
ประสิทธิภาพและประโยชน์ของ แจ็ค กรีลิช ไม่ใช่แค่การโจมตีใส่ศัตรู แต่พี่แกยังเป็นผู้เล่นที่มีสกิลบัพคอยช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเล่นกันได้ง่ายขึ้น เล่นกันได้ดีขึ้นตามกันไปด้วย ดูได้จาก กาเบรียล เชซุส เป็นตัวอย่าง พอเป็นแบบนี้แล้วต้องบอกเลยว่าสถานการณ์ของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะมีสิทธิ์ที่พี่แกต้องเสียตำแหน่งปีกซ้ายตัวจริงไปแบบยาวๆ กันเลยทีเดียว
ลิโอเนล เมสซี่ – ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
การผจญภัยครั้งใหม่ของ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดนักเตะครึ่งคนครึ่งมนุษย์ต่างดาวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วกับสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในที่สุดแฟนๆ ทั่วทั้งโลกก็ได้ยลโฉมผู้ชายคนนี้ในแบบฉบับที่ที่ต่างออกไป ไม่ใช่ในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติอาร์เจนติน่า เขาได้โอกาสลงประเดิมสนามในนัด เปแอสเช บุกไปเอาชนะ แร็งส์ 2-0 โดยได้ลงมาแทนที่ เนย์มาร์ ในนาทีที่ 66
ถึงไม่มีจังหวะง้างเท้ายิงสวยๆ ให้เห็น รวมไปถึงการใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดในเกมนี้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้สัมผัสถึงการสร้างอิมแพ็คครั้งใหญ่ของ ลิโอเนล เมสซี่ บทบาทส่วนใหญ่ของ เมสซี่ ในเกมนี้คือการเป็นตัวเชื่อมเกม คอยรับบอลในแดนกลางเพื่อขับเคลื่อนเกมขึ้นไปข้างหน้าตลอดจนการสร้างจังหวะให้เพื่อนร่วมทีม ทุกไหวพริบ ทุกการสัมผัสบอลมันเนียนตามาก รวมถึงการเคลื่อนที่มันเหมือนกับว่าพี่ท่านอยู่ค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้มานมนาน เรียกได้ว่ากลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมในทันทีทันใดนับตั้งแต่ย้างก้าวเข้ามาในสังเวียนฟลอร์หญ้า
จากสิ่งที่เกิดขึ้นมันยังเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ขนาดแค่เรียกน้ำย่อยยังรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ ลิโอเนล เมสซี่ ได้โชว์พาวแบบเต็มสตรีมเชื่อได้เลยว่าเราจะได้เห็นผู้ชายคนนี้ในร่างปีศาจอย่างที่เคยเป็นมาอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการผนึกกำลังกับ เนย์มาร์ และ คิเลียน เอ็มบัปเป้ ถ้ามันเข้าที่เข้าทางเมื่อขอบอกเลยว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะกลายเป็นทีมที่มี 3 ประสานที่น่ากลัวที่สุดในโลก บางทีมันจะเกิดขึ้นในเกมถัดไปเลยก็เป็นได้
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การกลับมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นับเป็นการจุดประกายความหวังให้เหล่าบรรดาแฟนบอล “เร้ด เดวิลส์” เรื่องของการก้าวขึ้นไปท้าทายความสำเร็จกับ 2 คู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มตัว รวมไปถึงบนศัตรูบนสังเวียนยุโรป เนื่องจากห่ายหายจากการคว้าถ้วยแชมป์มานานหลายปี
ถึงจะยังไม่ได้ลงสนามรับใช้ “ปีศาจแดง” ในคำรบที่สอง แต่คุณสามารถหวังผลกับผู้ชายคนนี้ได้แน่นอนโดยเฉพาะในเรื่องของการระเบิดสกอร์ เพราะนี่คือนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน และก็ซัดไปแล้วทะลุ 800 ประตูในเส้นทางค้าแข้ง ล่าสุดเพิ่งทุบสถิติกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ระดับนานาชาติแซงหน้าโคตรตำนานอย่าง อาลี แดอี ที่ครอบครองสถิติไว้แต่เพียงผู้เดียวมาเนิ่นนานเรียบร้อยแล้วด้วยตัวเลข 111 ประตู
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งหมดไม่มีที่ไหนที่เป็นปัญหาสำหรับการลงเล่นของ โรนัลโด้ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, ลา ลีกา รวมไปถึง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ไม่ว่าจะเจอกับบททดสอบที่ยากเย็นแสนแข็นขนาดไหนก็ไม่มีสิ่งใดที่เอาพี่แกลงได้เลย
ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาตลอดช่วงที่ผ่านมา บวกกับโปรไฟล์การซัลโวที่กระจุยกระจายมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เจ้าของโคตรเนม CR7 พร้อมแล้วสำหรับการสร้างตำนานบทใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับรองได้เลยว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
