เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล สมราคาแชมป์ยุโรปจริงๆ หลังจากบุกไปทุบเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ถึงถิ่น 2-0 โดยเกมนี้ โรเมลู ลูกากู ไม่ใช่แค่ลงเปิดซิงให้กับ สิงห์บลูส์ แต่สามารถทำประตูได้ทันที และ ยังสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้พูดถึงมากมาย ขณะที่ “ไอ้ปืนใหญ่” มีปัญหาเต็มไปหมด โดยเฉพาะแนวรับ เอาเป็นว่าแมตช์นี้ มีอะไรต้องพูดถึง ไปติดตามกันครับ
– โรเมลู ลูกากู เวอร์ชั่น 2021 ของจริงจัดๆ
การมาของ โรเมลู ลูกากู สร้างแรงกระเพื่อมให้กับ เชลซี ได้มากจริงๆครับ เพราะเพียงแค่นัดเปิดตัวกับทีม เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจะเข้ามายกระดับทีมได้มากแค่ไหน ลบคำสบประมาท ที่เคยโดนดูถูกเอาไว้ไปหมด ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิดว่า ทำไม โธมัส ทูเคิ่ล ถึงเลือกส่ง พี่ตู้ ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง ในเกมนี้
ไม่ใช่แค่เรื่องฝีเท้าของ ลูกากู ที่พัฒนาขึ้น เมื่อเทียบกับยุคแรกที่มา เชลซี แต่ยังเป็นความแข็งแกร่ง และ ความเข้าใจเกมมากขึ้นด้วย ทำให้ หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม เล่นได้อย่างโดดเด่นเหลือเกิน เรียกว่าเล่นงานแนวรับ อาร์เซน่อล จนหัวทิ่มหัวตำ โดยเฉพาะการบังบอลจะเห็นได้เลยว่า พี่ตู้ สร้างประโยชน์ให้กับทีมเยอะมาก พักบอล เก็บบอลให้เพื่อนได้ตลอด
อย่างประตูแรกที่ เชลซี ทำได้ ลูกากู ก็มีส่วนในการเซ็ตอัพ บังบอลจนได้เปรียบ และ ถ่ายออกไปในพื้นที่ว่าง ก่อนจะโชว์ความแข็งแกร่งหนีตัวประกบ มายิงประตู ต้องบอกว่าเกมนี้ ปาโบล มารี โดนเล่นงานจนเสียผู้เสียคน เพราะแทบไม่สามารถเอาชนะ ลูกากู ได้เลย
การมาของ ลูกากู นับว่าเป็นการยกระดับให้ เชลซี น่ากลัวมากขึ้นหลายขุม หลายๆครั้งที่พี่แกไม่หวงบอลสักนิด เห็นเพื่อนว่าง ก็จ่ายให้ตลอด เรียกว่าเล่นง่ายและได้เปรียบ ที่สำคัญหาช่องว่างทำประตูเก่งมาก ชี้ทางให้เพื่อนจ่ายอยู่เสมอ จริงๆน่าจะมีอีกสักประตูด้วยซ้ำ ถ้าไม่โดน แบรนท์ เลโน่ ปัดไปชนคาน
– เชลซี แกะเพรสซิ่งได้หมด และ เป็นที่มาของประตู
ดูก็รู้ว่า มิเกล อาร์เตต้า สั่งให้ขุนพล ไอ้ปืนใหญ่ ใช้เกมเพรสซิ่งเร็ว วิ่งบีบกดดันไม่ให้นักเตะ เชลซี มีเวลาหายใจ เพราะคุณภาพของแข้ง “สิงห์บลูส์” เล่นฟุตบอลภาคพื้นดินกันได้ดีมาก ถ้าหากสามารถรับมือกับจุดนี้ได้ อาร์เซน่อล ก็มีโอกาสสู้กับคู่แข่งได้อย่างสนุก
แต่กลายเป็นว่า อาร์เซน่อล เพรสซิ่งไม่สุด และ ไล่ไม่จน หลายๆครั้งเหมือนเข้าแค่ไปบังทาง หรือ เสียจังหวะเท่านั้น ทำให้นักเตะ เชลซี สามารถแกะเพรสซิ่งได้หมดเลย เมื่อแกะเพรสซิ่งได้ การต่อบอลก็ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เรียกว่าถ่ายบอลกันไปมาทั่วสนาม ยิ่งมี ลูกากู คอยพักบอล ยิ่งเล่นสบาย
อย่างประตูที่ 2 ที่ เชลซี ทำได้ เห็นกันไหมครับว่า อาร์เซน่อล พยายามเข้ามารุมบีบเพรสซิ่งเร็วใส่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตรงริมเส้นฝั่งซ้าย แต่พอทำไม่สำเร็จ กลายเป็นว่าพื้นที่ตรงกลาง และ พื้นที่ด้านขวาโล่งโจ้ง จึงเป็นที่มาของ รีซ เจมส์ เติมขึ้นมายิงได้อย่างเฉียบคม แบบไร้ตัวประกบ ดังนั้นเกมนี้ต้องปรบมือดังๆให้กับผู้เล่น เชลซี ที่สามารถเอาชนะเกมเพรสซิ่ง อาร์เซน่อล ได้อย่างอยู่หมัด
– แนวรับ อาร์เซน่อล รั่วมาก ดูทรง เบน ไวท์ ก็ไม่ช่วย
ถึงแม้ว่า อาร์เซน่อล จะเป็นทีมที่ใช้จ่ายเงินซื้อนักเตะมาร่วมทีมมากที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็น เบน ไวท์ 50 ล้านปอนด์ / มาร์ติน โอเดการ์ด 30 ล้านปอนด์ และ แอรอน แรมส์เดล อีก 30 ล้านปอนด์ ถ้าจะบอกว่าเกาไม่ถูกที่คันก็คงไม่ใช่ครับ เพราะ มิเกล อาร์เตต้า ก็ซื้อกองหลังเข้ามาอุดรูรั่ว แต่ค่าตัวมันดูไม่สมเหตุผลสมผลสักเท่าไหร่
จริงอยู่ที่เกมแพ้คาบ้านให้กับ เชลซี ทาง เบน ไวท์ ไม่ได้ลงสนาม แต่กระนั้นดูทรงแล้วก็ไม่รู้ว่าเขาคนเดียวจะสามารถยกระดับแผงหลัง อาร์เซน่อล ให้แข็งแกร่งขึ้นได้มากขนาดไหน อย่างเกมนี้ คีแรน เทียร์นี่ย์ ที่ดูน่าจะเป็นคนไว้เนื้อเชื่อใจในแผงหลัง ก็กลายเป็นว่าวันนี้ “ซ้ายผ่านตลอด”
เพราะ 2 ลูก ที่ อาร์เซน่อล เสียให้กับ เชลซี เกิดขึ้นทางฝั่ง เทียร์นี่ย์ หมดเลย ถึงกับต้องขยี้ตาดูว่าวันนี้มีแบ็กซ้าย ไอ้ปืนใหญ่ ลงสนามหรือเปล่า เพราะ รีซ เจมส์ ได้เติมเข้ากรอบเขตโทษแบบง่ายดาย ไม่มีใครวิ่งมาบีบกดดัน ทั้งแอสซิสต์ให้กับ ลูกากู ได้ยิง และ ขึ้นมาทำประตูด้วยตัวเอง
และ ไม่ใช่แค่ 2 ลูกนี้นะครับ ไหนจะมี ปาโบล มารี ที่วันนี้ได้ลงสนาม ไม่สามารถเอาชนะ ลูกากู ได้เลย ถ้าหากต้องเจอกับหัวหอกรูปแข็งแกร่งคนอื่นๆ จะรับมือได้มากแค่ไหน โดยช่วงกลางครึ่งหลัง เชลซี ยังมีโอกาสอีกมากมาย ที่จะบวกประตูที่ 3 ถ้าไม่มี แบรนท์ เลโน่ คอยช่วยเซฟเอาไว้ อาจจะโดนเละกว่านี้
– เปเป้ ไม่มีความเป็น เดอะ แบก
ยอมรับตามตรงเลยว่า ค่อนข้างมีอคติกับ นิโคลัส เปเป้ พอสมควร เพราะนี่คือนักเตะที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร 72 ล้านปอนด์ แต่เขาไม่เคยโชว์ให้เห็นถึงความคุ้มค่าได้เลย ดังนั้นเกมที่พบกับ เชลซี พยายามจับตา เปเป้ เป็นพิเศษ เนื่องจาก 11 ผู้เล่นตัวจริง เขาต้องขึ้นมาแบกทีมแล้ว
เพราะว่าในตำแหน่งแนวรุก มิเกล อาร์เตต้า เลือกใช้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอมิล สมิธ โรว์ และ บูกาโย่ ซาก้า ซึ่งทั้ง 3 คน อายุแค่ 19-21 ปี เท่านั้น ส่วน เปเป้ อายุ 26 ปี แบกเรื่องประสบการณ์มามากกว่าคนอื่น และ ด้วยค่าตัวมหาศาล เกมแบบนี้ เขาต้องงัดพลังวิเศษออกมาช่วยทีมให้ได้
แต่กลับกลายเป็นว่า เปเป้ แทบไม่ได้มีส่วนร่วมช่วยเกมรุกทีมด้วยซ้ำ เหลือเชื่อที่ มิเกล อาร์เตต้า ปล่อยให้เล่นครบ 90 นาที เพราะตลอดทั้งเกม เขาไม่มีแม้แต่จังหวะง้างเท้าทำประตู เอาแค่การครอสบอล เปิดสำเร็จถึงเพื่อนได้แค่ 1 จาก 9 ครั้ง เท่านั้น
ยิ่งตอนที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ลงสนามมาเป็นสำรอง เปเป้ ไม่สามารถต่อบอล หรือ สร้างสรรค์เกมให้มันดูวูบวาบได้เลย ทั้งๆที่ควรจะรู้ใจ เพราะเล่นกับทีมมาหลายปี ซึ่งมันชัดมากว่า เขาไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เลย ในยามที่ อาร์เซน่อล ต้องการใครสักคน กลายเป็นต้องให้น้องๆในทีมคอยแบก ค่าตัวสูงขนาดไหน เหมือน ตำน้ำพริกไปละลายแม่น้ำ
– อาร์เตต้า ไร้ทรง ดูแล้วคงต้องไป
ลำพังแค่เกมเปิดสนามที่แพ้ให้กับ เบรนท์ฟอร์ด 0-2 กระแส “อาร์เตต้าเอาท์” ก็สนั่นลั่นทุ่ง โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค แล้ว ยิ่งแพ้ เชลซี ยิ่งลุกลามเหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองเพลิง เพราะเรื่องของแท็คติค อาร์เตต้า แพ้ทาง โธมัส ทูเคิ่ล แบบราบคาบ
การต่อบอลของ เชลซี เดี๋ยวซ้ายไปขวา โดยมีตัวพักเก็บบอลตรงกลางอย่าง ลูกากู แต่กับ อาร์เซน่อล ไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย ดันไปเน้นเรื่องความสามารถเฉพาะตัวมากกว่า ซึ่งในครึ่งหลัง มีช่วง ไอ้ปืนใหญ่ มีหือมีอือบุกใส่ เชลซี ได้ยิงไกลจาก บูกาโย่ ซาก้า ทำเอา เอดูอาร์ เมนดี้ ต้องออกแรงเซฟ หรือ ลูกโหม่งเฉียดเสาของ ร็อบ โฮลดิ้ง
แต่ภาพรวมตลอด 90 นาที ยังไม่เห็นเลยว่าแท็คติคเกมรุกของ อาร์เตต้า เป็นแบบไหน ยิ่งเล่น เกมก็ยิ่งตัน บอลระบบที่เซตเกมเหมือน เชลซี ไม่มีให้เห็น การเปลี่ยนตัวของ พี่ต้า ก็ยังสร้างความมึนงงให้กับแฟนบอลเหมือนเดิม เพราะ ซาก้า ที่ดูวูบวาบ ถูกเปลี่ยนออก และ ให้ เปเป้ อยู่ต่อจนจบเกม
ตอนที่ โอบาเมยอง ถูกส่งลงสนาม เกมดูจะมีโอกาสมากขึ้น วิ่งไลน์ให้เพื่อนจ่ายทะลุช่อง แต่อย่างที่บอกครับ ความหลากหลายในเกมรุกของ อาร์เตต้า ไม่มีเลย ทำให้ เชลซี จับทางได้ หากไม่ปรับ ไม่จูน และ ยังคงหัวแข็งดื้อแพ่งแบบนี้ บอกเลยว่าอีกไม่นาน ดูทรงคงต้องไป จากทีมลุ้นโควต้ายุโรป ตอนนี้ร่วงมาอันดับ 19 แข่ง 2 นัด แพ้หมด ยิงใครไม่ได้ และ เสียไปถึง 4 ประตู
ขณะที่ เชลซี ต้องบอกว่าซีซั่นนี้ ได้สถาปนาพร้อมล่าแชมป์แบบเต็มตัว ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ชื่อชั้นบิ๊กเนมทั้งนั้น ไปรอลุ้นกันว่านัดหน้าที่จะต้องออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ ใครจะหมู่ ใครจะจ่า เพราะมันมีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน