ต่อจาก มาร์ติน โอเดการ์ด ไม่ถึง 24 ชั่วโมง อาร์เซน่อล ก็ได้จัดการปิดอีกหนึ่งดีล สอย อาร่อน แรมส์เดล จาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาเสริมทัพอีกหนึ่งราย
ในเมื่อ อาร่อน แรมส์เดล ได้กลายเป็นขุนพลของ “ไอ้ปืนใหญ่” ทั้งที เราไปย้อนดูภูมิหลังชีวิตของพ่อหนุ่มคนนี้กันหน่อยดีกว่า ว่ากันว่าเป็นนายทวารฝีมือดีเลยทีเดียว แต่ดันอยู่ผิดที่ผิดเวลาไปหน่อยเท่านั้นเอง
เดิมที อาร่อน แรมส์เดล เป็นเด็กปั้นของสโมสร โบลตัน วันเดอเรอร์ส แต่ช่วงชีวิตส่วนใหญ่คือการเติบโตฟูมฟักด้วยการเป็นผลผลิตของสังกัด “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยย้ายมาตอนปี 2013 และก็ได้ทุนการศึกษาจนเรียนจบตลอดจนโอกาสกับทีมชุดใหญ่
แต่กว่าจะเดินทางมาถึงจุดนั้นและก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ นับตั้งแต่ได้สัญญาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัวตอนปี 2016 อาร่อน แรมส์เดล ค่อนข้างจะฉายแววและมีวิวัฒนาการที่ดีกับชุดเยาวชน นั่นทำให้เขาได้รับโอกาสไป 2 นัด ในฤดูกาล 2016-17
พี่แกเปิดตัวได้สวยเลยทีเดียวในเกม เอฟเอ คัพ ที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไล่ถล่ม เลย์ตัน โอเรียนต์ ไป 6-0 แน่นอนว่าการเก็บคลีนชีทได้ตั้งการประเดิมสนามนัดแรกนับเป็นสัญญาณที่ดีแห่งอนาคต และอีกหลายๆ สิ่งที่จะต้องเจอในภายภาคหน้า ก่อนจะได้ลงเฝ้าเสาให้กับทีมอีกหนึ่งนัดนั่นคือเกม เอฟเอ คัพ ที่ต้องพ่ายให้กับ โบลตัน วันเดอเดอร์ส ทีมเก่าไป 2-3
ถึงจะผลงานเข้าตาแต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยบวกกับโอกาสอันน้อยนิดในยุคของ คริส ไวลเดอร์ มันก็เลยทำให้ บอร์นมัธ ตัดสินใจขออาสาพรากตัวไปปลุกปั้นต่อเองช่วงต้นปี 2017 ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ การย้ายทีมในครั้งนั้นถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับอนาคตของ อาร่อน แรมส์เดล เพราะนั่นคือการย้ายไปเฝ้าเสาให้กับสโมสรที่กำลังโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกที่นักฟุตบอลทุกคนใฝ่ฝัน
บอร์นมัธ ให้คำมั่นสัญญากับไอ้หนู แรมส์เดล ว่า คุณจะได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างแน่นอน แต่มีข้อแม้ว่าต้องออกไปเก็บชั่วโมงบินเพื่ออัพเลเวลประสบการณ์และทักษะสกิลกับที่อื่นๆ ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของที่ทำให้เราได้รู้จักกับชื่อของพ่อหนุ่มนายทวารรายนี้
เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ในปี 2017 เชสเตอร์ฟิลด์ คือสโมสรแรกในชีวิตที่การันตีว่าจะให้โอกาสลงเล่นกับ อาร่อน แรมส์เดล อย่างต่อเนื่อง ทาง บอร์นมัธ เองก็ได้เดินเรื่องและทำข้อตกลงส่งตัวไปให้ใช้งานแบบยืมตัว
เกมประเดิมสนามใน ลีก ทู ของอังกฤษ นัดที่เจอกับ แอคคริงตัน สแตนลี่ย์ ความรู้สึกของ อาร่อน แรมส์เดล อาจจะดูนอยๆ กร่อยๆ ไปสักหน่อย เพราะทีมต้นสังกัดเล่นโดนถล่มไปถึง 4-0 และที่พีคเลยก็คือไอ้หนู แรมส์เดล ทำ โอว์น โกล์ เข้าประตูตัวเองอีกต่างหาก แน่นอนว่าสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่แบบเขาพอเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าก็คงสูญเสียความมั่นใจไม่ใช่น้อยจริงๆ
แต่ด้วยเรื่องของสปิริตและใจที่ไม่ยอมแพ้ อาร่อน แรมส์เดล ก็สามารถแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการเก็บคลีนชีทได้ในเกมถัดมาที่พา เชสเตอร์ฟิลด์ เชือด ลูตัน ทาวน์ ไป 2-0 แต่พอสุดท้ายเบ็ดเสร็จแล้วมันอาจจะดูสะบักสะบอมหนักอยู่เหมือนกันกับการลงเล่นไป 19 นัดในช่วงครึ่งซีซั่นกล่าว โดนคู่แข่งถลุงไป 33 ประตู และเก็บได้แค่ 2 คลีนชีทเท่านั้นสำหรับ อาร่อน แรมส์เดล และที่สำคัญคือ เชสเตอร์ฟิลด์ ต้องตกชั้นไปจากการจบที่อันดับ 24
ต้นปี 2019 อีกหนึ่งประสบการณ์ครั้งใหม่ของ อาร่อน แรมส์เดล ถูกปล่อยตัวไปผจญภัยฟาร์มเก็บเลเวลต่อกับ วิมเบิลดัน บนเวที ลีก วัน ของ อังกฤษ ถึงเกมนัดประเดิมสนามจะเก็บคลีนชีทไม่ได้ แต่เขาก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ วิมเบิลดัน เอาชนะ ฟลีตวู้ด ทาวน์ ไปจากการเฉือนชนะ 3-2 ตีตั๋วไปลุยต่อในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4
ด้วยความที่เจ็บมาเยอะจากฤดูกาลที่แล้ว การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งความผิดพลาด ประสบการณ์การรับมือกับคู่แข่งในแบบต่างๆ มันทำให้ไหวพริบและปฏิกิริยาต่างๆ รวมถึงทักษะของ อาร่อน แรมส์เดล พัฒนาขึ้นแบบเห็นได้ชัด โดยเลก 2 ของซีซั่น 2018-19 เจ้าตัวได้โอกาสลงเฝ้าเสาไปทั้งหมด 20 นัด เสียไป 26 ประตู และเก็บได้ถึง 7 คลีนชีทด้วยกัน เมื่อเทียบฟอร์มกับปีก่อนแล้วต้องบอกเลยว่าทรงดีกว่าเดิมขึ้นเยอะเลยจริงๆ พร้อมกับคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครองได้อีกด้วย
ในที่สุดประสบการณ์และโปรไฟล์ตลอด 2 ปีกับ เชสเตอร์ฟิลด์ และ วิมเบิลดัน ดูเหมือนจะสอบผ่านและชนะใจกุนซืออย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ได้สำเร็จ และนั่นก็ทำมาซึ่งโอกาสการเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของ บอร์นมัธ แบบเต็มๆ ซีซั่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหนือกว่ารุ่นพี่อย่าง อาร์เธอร์ โบรุช
อย่างไรก็ตามการโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ก็ถือเป็นโจทย์และความท้าทายที่ยากกว่า อาร่อน แรมส์เดล เคยเจอมา เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 37 นัดใน พรีเมียร์ลีก โดนถลุงไป 62 ประตูซึ่งเฉลี่ยแล้วต่อนัดเสียไปเกือบๆ 2 ประตู เรียกได้ว่ายู่ยี่และยับเยินสุดๆ
ทว่าจริงๆ โดยส่วนตัวแล้วผลงานของ อาร่อน แรมส์เดล ก็จัดว่าเข้าตาเลยกรรมการเลย การคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน 2 ครั้ง บวกกับการได้รับเสียงโหวตจากแฟนบอลให้คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ บอร์นมัธ เป็นสิ่งที่รับประกันได้ดีของความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้
การเก็บได้ 5 คลีนชีทของ อาร่อน แรมส์เดล ต้องบอกเลยมีอยู่หลายนัดที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ช่วยให้ บอร์นมัธ เอาชนะทีมบิ๊กเนมอย่าง เชลซี 1-0, ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และเสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-0 ถึงจะมีคำคมชมเชยมากมายเกิดขึ้นกับตัวไอ้หนู อาร่อน แรมส์เดล ว่าเป็นนายทวารแววดี อนาคตรุ่งแน่ และมีสิทธิ์เป็นกำลังสำคัญให้ ทีมชาติอังกฤษ ได้เลย แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยให้ต้นสังกัดอย่าง บอร์นมัธ อยู่ยืนหยัดบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ต่อไปได้ในฤดูกาล 2019-20
การกลับไปสานฝันและต่อสู้เพื่ออนาคตที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ ดีน เฮนเดอร์สัน นั่นจึงทำให้ อาร่อน แรมส์เดล ยังได้โอกาสโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ต่อไปในฤดูกาล 2020-21 เพราะทีมเก่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญาพาตัวกลับไปร่วมทีมอีกครั้งนับตั้งแต่ย้ายออกมาเมื่อ 4 ปีก่อน
อาร่อน แรมส์เดล ต้องเจอกับชะตากรรมที่ชวนปวดใจอีกครั้งกับผลงานอันย่ำแย่ของพลพรรค “ดาบคู่” ที่เก็บได้แค่ 5 คะแนนจาก 19 เกม พร้อมกับจมอยู่อันดับบ๊วยของตาราง นับเป็นสโมสรที่ออกสตาร์ทห่วยแตกที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เคยมีมา ซึ่งนั่นเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นชัดๆ ว่าปีนี้คงไปไหนไม่รอดแน่ๆ
สุดท้ายมันปาฏิหาริย์มันก็ไม่มีจริง ถึงแม้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะมีลูกฮึดขึ้นมาบ้างหลังเข้าสู่ปี 2021 มีเกมเด่นๆ ที่ล็อคถล่มโค่นทีมชั้นนำๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ก็ตาม การแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 ในวันที่ 17 เมษายน เป็นการยืนยันชัดเจนว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต้องตกชั้นกลับไป เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้ง
ถึงจะเป็นปีที่ไม่น่าจดจำของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่สำหรับ อาร่อน แรมส์เดล เขาคือผู้เล่นที่ผลงานโดดเด่นที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ของทีม ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ส่วนในภาพรวมก็ถือว่ามีสถิติส่วนตัวที่โดดเด่นกว่านายทวารหลายๆ คน มีโอกาสเซฟไปมากถึง 147 ครั้ง มีเปอร์เซนต์เซฟได้จากโอกาสทั้งหมดที่ต้องเผชิญอยู่ที่ 70 % และเซฟได้ 3 จุดโทษ
ด้วยความที่ทัพ “ดาบคู่” ถูกมองว่าเป็นมวยรองอยู่ตลอด การตกที่นั่งลำบากในทุกๆ นัด นั่นกลับเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ อาร่อน แรมส์เดล ได้โชว์สกิลและปล่อยของออกมามากมาย การถูกเลือกเป็นหนึ่งในขุมกำลังของ ทีมชาติอังกฤษ ชุดรองแชมป์ ยูโร 2020 ก็ไม่ได้ดูค้านสายตาใครเท่าไหร่
หลายคนอาจจะมองว่า อาร่อน แรมส์เดล คนนี้เป็นแค่นายประตูนอกสายตาธรรมดาๆ แต่จริงๆ เรื่องฝีไม้ลายมือก็จัดว่าไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่โปรไฟล์ที่ผ่านๆ มามันอาจจะดูผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย ไปอยู่ไหนทีมนั้นก็มีชะตากรรมที่ต้องตกชั้นไป การย้ายมา อาร์เซน่อล ในครั้งนี้แฟนๆ ก็หวังเป็นอย่างมากว่าอย่าให้อาถรรพ์นี้เกิดขึ้นเลย