จากที่ทีม แอตเลติโก มาดริด ได้กระเด็นตกรอบ 16 ทีมไปเรียบร้อยแล้วในส่วยของศึก โกปา เดล เรย์ หลังการพ่ายต่อ เรอัล โซเซียดาด 0-2 เลยเป็นการตอกย้ำซีซั่นที่เลวร้ายของทีมตราหมีในยุคของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตมากที่สุดนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งหัวทัพของ แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2011 หลังการปราชัยต่อ เรอัล โซเซียดาด 0-2 ทำให้กระเด็นตกรอบ 16 ทีมในศึก โกปา เดล เรย์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ซิเมโอเน่ เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ แอตเลติโก มาดริด ต่อจาก เกรกอรีโอ มานซาโน่ ทำสถิติคุมทีมตราหมีลงเล่นรวมกัน 556 เกม ชนะ 328 เสมอ 131 แพ้ 97
เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์วัย 51 ปี ได้นำทัพตราหมีและคว้าแชมป์มาทั้งหมด 8 รายการ ทั้ง ลา ลีกา (2013-2014 และ 2020-2021), โกปา เดล เรย์ (2012-2013), ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า (2014), ยูโรปาลีก (2011-2012, 2017-2018) และ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2012, 2018) รวมไปถึงที่ทีมสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง (2013-2014, 2015-2016)
ทว่าทางด้าน แอตเลติโก มาดริด ทำผลงานในซีซั่นนี้ย่ำแย่ พวกเขาพลาดท่าพ่าย แอธเลติก บิลเบา 1-2 ตกรอบรองชนะเลิศของศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า หรือ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ที่กรุงริยาดห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก่อนจะหงายเก๋งตกรอบ โกปา เดล เรย์ อีกหนึ่งรายงาน หลังพ่ายต่อ เรอัล โซเซียดาด ในรอบ 16 ทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แอตเลติโก มาดริด ยังคงเผชิญสถานการณ์ยากลำบากลำบนในเวทีลีกา ถึงแม้ในตตอนนี้จะอยู่อันดับ 4 ของตารางก็ตาม แต่แทบจะไม่เหลือโอกาสป้องกันแชมป์แล้วจากการตกเป็นฝ่ายตามหลังจ่าฝูง เรอัล มาดริด ถึง 16 คะแนน แม้ว่าจะลงเล่นน้อยกว่าหนึ่งเกมก็ตาม
ทีมตราหมีก็ยังคงมีความเสี่ยงในการพลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกเนื่องจากในตอนนี้มี 33 คะแนนเท่าอันดับ 5 ของทางทีม เรอัล โซเซียดาด ขณะที่ทางด้านเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า กับ ราโย บาเยกาโน่ ก็ไล่ตามหลังเพียง 1 กับ 2 แต้มตามลำดับ ส่วน บียาร์เรอัล, บาเลนเซีย, แอธเลติก บิลเบา หรือ เอสปันญ่อล ก็อยู่ไม่ได้ห่างจากทีมของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์มากนัก
แอตเลติโก มาดริด ที่ยังมีคิวจะลงดวลกับ แมนฯยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่จากพรีเมียร์ลีกในอีกหนึ่งรายการที่ยังเหลือลุ้นอยู่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์กับวันที่ 15 มีนาคมนี้
จากผลงานที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ทาง ซิเมโอเน่ ได้กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยุ่งยากมากสุดนับจากทำงานฐานะหัวเรือทีมตราหมีตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2011 แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ยังเชื่อมั่นว่าพวกเขานั้นจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
วิธีเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้คือการช่วยเหลือนักฟุตบอลของเรา คือการทำให้พวกเขามั่นใจและรู้สึกสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อสถานการณ์กำลังเกิดภาวะวิกฤต ซิเมโอเน่ กล่าวหลังเกมพ่าย เรอัล โซเซียดาด 0-2
‘มันเป็นเกมยาก เรอัล เริ่มต้นได้ดี จากนั้นเรามีโอกาสเดียวของ (ยานนิค) การ์ราสโก้ การปล่อยให้พวกเขานำ 2-0 และทำลายโมเมนตัมแง่บวกใดๆ เรายังมีโอกาสเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวของ (มาเธอุส) กุนญ่า แต่เราอยู่ในช่วงที่หลายคนพูดว่าไดนามิกไม่ดี’
‘แต่แค่คิดบวก ผมมองโลกแง่ดีและเชื่อมั่นใจในนักเตะของผมเสมอ มันเป็นปัญหาของฟุตบอล, ของชีวิต ทุกวันไม่เหมือนเดิม ฤดูกาลที่แล้วงดงามมาก และฤดูกาลนี้พิสูจน์แล้วว่ายากมาก แต่โอกาสยังอยู่ที่นั่น เรายังมีทั้ง ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก’ ซิเมโอเน่ กล่าว
‘มาร์ก้า’ ได้มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมของ ซิเมโอเน่ ทำผลงานได้ต่ำกว่าระดับมาตราฐานในฤดูกาลนี้มาจาก 7 ข้อสำคัญหลักๆดังนี้
1. เกมป้องกันอ่อนแอ
มันได้กลายเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ในเกมป้องกันของทางด้าน แอตเลติโก มาดริด ได้กลายเป็นจุดอ่อนของทีมไปแล้วในฤดูกาลนี้ ทั้งที่กุนซือรายนี้ได้สร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับของวงการลูกหนังในด้านความแข็งแกร่งของการเล่นเกมรับ แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่กรณีศึกษาอีกต่อไป
ทัพตราหมีเคยได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มัเกมป้องกันที่แข็งแกร่งและ เหนียวแน่น จนมีส่วนทำให้ ยาน โอบลัค นายประตูทีมชาติสโลวีเนียสามารถคว้ารางวัล ‘โตรเฟโอ ซาโมร่า’ หรือที่เรียกรางวัลนี้ว่ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ ลา ลีกาได้ถึง 5 สมัย จากการที่เจ้าตัวนั้นเสียประตูน้อยสุดของลีกเมืองกระทิงในฤดูกาล 2015-2016, 2016-2017, 2017-2018, 2018-2019 และ 2020-2021
แต่ว่าทางด้าน แอตเลติโก มาดริด ก็กำลังประสบปัญหาจากการเล่นเกมรับย่ำแย่ในซีซั่นนี้ทั้งการรับมือลูกตั้งเตะและการเกิดความผิดพลาดที่มากจากในแนวป้องกัน ขณะที่ทางคู่แข่งยังฉวยโอกาสได้จากความไม่ผิดพลาดในการเล่นเกมรับของทีมตราหมีด้วยเช่นกัน
2. เกมรุกฝืด
ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้ตกลงเซ็นสัญญากับ 2 กองหน้าเพิ่มเติมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทั้งการดึงตัวกองหน้าอย่าง อองตวน กรีซมันน์ กลับมาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยสัญญายืมตัว และในขณะที่ทางด้าน มาเธอุส กุนญ่า แนวรุกชาวบราซิเลียนวัย 22 ปีก็ได้ถูกดึงมาจาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เพื่อที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำประตูร่วมกับผู้เล่นเก่าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ชูเอา เฟลิกซ์ และ อังเคล กอร์เรอา
ทว่าทั้ง กรีซมันน์ กับ มาเธอุส กุนญ่า ก็ยังไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ที่ทางด้านทีมตราหมีคาดหวังได้ หลังจากการยิงในลาลีกาซีซั่นนี้ได้เพียงแค่คนละ 3 ประตูเท่านั้น
ในขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ชูเอา เฟลิกซ์ มีผลงานที่แย่กว่าฤดูกาลที่ผ่านมาแบบชัดเจน โดยสามารถทำประตูได้เพียง 7 กับ 2 ประตูตามลำดับ โดยเฉพาะแนวรุกชาวโปรตุกีสที่มีข่าวลือว่าไร้ความสุขในการค้าแข้งกับทีมตราหมีจนต้องการที่จะย้ายออกจากถิ่น ‘ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่’ ส่วน อังเคล กอร์เรอา ก็กลายเป็นผู้เล่นแนวรุกที่ทำผลงานเด่นสุดจากการยิง 7 ประตู แต่ผลงานของแนวรุกชาวอาร์เจนไตน์ยังไม่สามารถทดแทนความฝืดของกองหน้าคนอื่นของทีมตราหมีได้
3. ปัญหาบาดเจ็บ
แอตเลติโก มาดริด ก็ยังจะต้องเผชิญกับปัญหาที่นักเตะบาดเจ็บและยังติดเชื้อโควิดไม่ต่างจากสโมสรอื่น โดยมีเฉพาะ ยาน โอบลัค, อังเคล กอร์เรอา, โรดรีโก้ เด ปอล, มารีโอ เอร์โมโซ่ กับ เบนฌาแม็ง เลอกอมต์ เท่านั้นที่ยังไม่เคยถูกอาการบาดเจ็บพรากไปจากสนามในฤดูกาลนี้
จากปัญหาที่กล่าวมาทางด้าน ซิเมโอเน่ เลยทำให้ต้องเลือกใช้แบ็กโฟร์ลงเล่นวนเกมที่ไปเยือนทางด้าน เรอัล โซเซียดาด ในศึกโกปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยที่เขาต้องใช้งานผู้เล่นที่โดยปกติมักจะลงเป็นตัวสำรองอย่าง เฟลีเป้ มอนเตยโร่ กับ ชีเม่ เวอร์ซัลโก้ ลงเล่นเป็นตัวจริง
ในขณะเดียวกันนักเตะที่เป็นตัวหลักที่สำคัญอย่าง มาร์กอส ยอเรนเต้, อองตวน กรีซมันน์, โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ, โตม่าส์ เลอมาร์ หรือ สเตฟาน ซาวิช ต่างก็พาบาดเจ็บในฤดูกาลนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง นั่นเลยกลายเป็นปัญหาที่ทาง ซิเมโอเน่ ต้องแก้ไขเฉพาะหน้ามาตลอดแทบทั้งฤดูกาลนี้
4. การจากไปของ ทริปเปียร์
แอตเลติโก มาดริด ได้มีการตัดสินใจปล่อย คีแรน ทริปเปียร์ ฟูลแบ็กชาวอังกฤษได้ย้ายไปเล่นกับทาง นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์บวกกับมีโบนัสอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากแบ็กวัย 31 ปีรายนี้มีความต้องการที่จะย้ายกลับบ้านเกิด
ทว่าการย้ายทีมดังกล่าวก็ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ แต่ทางด้าน แอตเลติโก มาดริด ยังคงไม่ตอบสนองต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น พวกเขายังไม่สามารถหาตัวแทนของ ทริปเปียร์ ทั้งที่มันมีความจำเป็นอย่างมากที่ทางทีมจะต้องรีบเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวป้องกัน ในขณะที่อาการบาดเจ็บของนักเตะก็กำลังส่งผลกระทบต่อทีมอย่างมาก
แม้พวกเขาจะมีข่าวกับทางด้าน ดาเนียล วาสส์ นักเตะชาวเดนส์ของ บาเลนเซีย ซึ่งนักเตะรายนี้สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์และแบ็กขวา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีความคืบหน้ามาจนถึงปัจจุบัน
5.ระบบไม่เวิร์ค
ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เริ่มต้นฤดูกาลในระบบ 3-5-2 ซึ่งช่วยพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงซีซั่นที่แล้ว แต่กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ก็ต้องปรับมาเล่นหลังสี่อีกครั้ง ก็เนื่องมาจากการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่
อย่างไรก็ตามระบบ 4-4-2 ก็กลับไม่เวิร์คอย่างที่ทาง ซิเมโอเน่ คาดหวังเลย ในเกมที่ไปเสมอ บียาร์เรอัล 2-2 ก่อนจะกลับมาเล่นระบบ 3 เซนเตอร์อีกครั้ง แต่ก็ไม่วายยังไปพ่ายต่อ แอธเลติก บิลเบา 1-2 ในรอบตัดเชือกของศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า และก็วนกลับมาใช้แบ็กโฟร์ในเกมพ่าย เรอัล โซเซียดาด 0-2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
6. นักเตะฟอร์มตก
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า อังเคล กอร์เรอา นักเตะชาวอาร์เจนไตน์วัย 26 ปี ก็เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวของทีมตราหมีที่มีผลงานโดดเด่นในซีซั่นนี้ ขณะที่ทางด้าน โตม่าส์ เลอมาร์ กับ ยานนิค การ์ราสโก้ ก็ขาดความสม่ำเสมอ
ส่วนของ ฆอร์เค่ เรซูร์เรกซิออน โกเก้ มิดฟิลด์กัปตันของทีมฟอร์มก็ตก เช่นเดียวกับทางด้านนักเตะทีมตราหมีอีกหลายคนจนไม่สามารถที่จะช่วยทีมพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างที่กุนซือชาวอาร์เจนไตน์คาดหวังไว้
7. ‘เอล โชโล่’หมดมุก
การที่ทำงานมานานกว่าทศวรรษและประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมอาจนำไปสู่จุดอิ่มตัวของเหล่ากุนซือหลายคน และทาง ซิเมโอเน่ ก็อาจอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยก็เป็นได้
กุนซือชาวอาร์เจนไตน์อาจจะล้มเหลวในการค้นหาวิธีการกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมตราหมี และเขาพยายามแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยน 11 ผู้เล่นตัวจริงและยังโยกย้ายนักเตะไปยังตำแหน่งต่างๆในสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ว่ามันก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คิด
อีกทั้งการที่ได้ไปเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยเวิร์คเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของ อองตวน กรีซมันน์, โรดรีโก้ เดอ ปอล หรือ มาเธอุส กุนญ่า ส่วน เบนฌาแม็ง เลอกอมต์ ก็ไม่มีผลอะไรกับทีมเนื่องจากเจ้าตัวย้ายมาเพื่อรับบทเป็นตัวสำรองของ ยาน โอบลัค เท่านั้น
ดังนั้น ซิเมโอเน่ จึงต้องนำปรัชญาเกมต่อเกมของเขากลับมาสู่ทีมอีกครั้ง โดยเฉพาะการที่มุ่งเน้นเพื่อที่จะเอาชนะทีมค้างคาวในวันเสาร์นี้เพื่อที่จะได้ลดแรงกดดันที่มีต่อทั้งสตาฟฟ์เทรนเนอร์และนักเตะ เพื่อที่จะได้พาทีมกลับสู่เส้นทางอย่างที่คาดหวัง
รูป pledgetimes.com, www.dailysabah.com, www.thairath.co.th
เนื้อข่าว m.thsport.com