สโมสรฟุตบอล บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา สเปน ยืนยันอย่างเป็นทางการในการที่ โจน ลาปอร์ต้า เป็นผู้ชนะเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่ หลังชนะการโหวตอย่างท้วมท้น
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสโมสรดังแห่งแคว้นคาตาลันได้มีการจัดการเลือกตั้งประธานคนใหม่เพื่อมาแทนตำแหน่งที่ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ที่ลาออกตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า ลาปอร์ต้า วัย 58 ปี เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งหลังได้รับเสียงโหวต 30,184 เสียง (54.28 %) โดยเอาชนะ บิคตอร์ ฟอนต์ ที่ได้รับโหวต 16,679 เสียง (29.99 %) และ โตนี่ เฟรยช่า ได้คะแนนโหวตแค่ 4,769 เสียง (8.58 %) เท่านั้น หลังจากนับคะแนนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นทั้งหมด 55,611 เสียง
สำหรับ ลาปอร์ต้า เคยได้รับเลือกเป็นประธานสโมสรคนที่ 38 ในช่วงระหว่างปี 2003-2010 และมีส่วนสร้างความยิ่งใหญ่ให้ “บาร์ซ่า” จนคว้าแชมป์มากมายทั้ง ลา ลีกา สเปน 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย ก่อนก้าวลงไปจากตำแหน่ง โดยมี ซานโดร โรเซลล์ เข้ามารับตำแหน่งต่อ ได้เปิดเผยหลังได้รับเลือกให้ขึ้นมาเป็นประธานสโมสรบาร์เซโลน่าอีกครั้งว่า “ผมจะเดินทางไปที่ปารีส และดูว่าเราจะสามารถคัมแบ็กได้หรือไม่ (บาร์เซโลน่า แพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-4 เกมแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย)”
ด้าน โตนี่ เฟรยช่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสรที่ได้รับคะแนนโหวตน้อยที่สุดได้กล่าวแสดงความยินดีกับ ลาปอร์ต้า ว่า ‘ขอแสดงความยินดีกับประธาน ลาปอร์ต้า สำหรับชัยชนะครั้งนี้ และเราจะสนับสนุนเขาจากการลงสมัครรับเลือกตั้งของเรา เช่นเดียวกับที่เราทำในปี 2015 กับผู้ชนะโดยไม่มีข้อยกเว้น”
อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ลาปอร์ต้า ได้ยืนยันถึงนโยบายสำคัญคือการเกลี่ยกล่อมให้ ลิโอเนล เมสซี่ อยู่กับสโมสรต่อไป โดยเวลานี้ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าเหลือสัญญาจนจบฤดูกาลนี้เท่านั้น
ขณะที่ทางด้าน เมสซี่ ก็ได้เดินทางไปลงคะแนนเสียงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวมาเข้าคูหาเลือกประธานบาร์เซโลน่า
“การได้เห็น เมสซี มาลงคะแนนโหวต เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดในโลก มาพร้อมกับลูกชายของเขา สำหรับผม นั่นแสดงให้เห็นว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ลีโอ รักบาร์ซ่า เราคือครอบครัวที่ใหญ่และอบอุ่น หวังว่านจะช่วยทำให้เขาตัดสินใจอยู่กับทีมต่อแบบเดียวกับที่เราต้องการ”ลาปอร์ต้า กล่าวหลังจากที่ได้เห็นซูเปอร์สตาร์ของทีมเดินทางมาลงคะแนนโหวต
อย่างไรก็ตามรายงานยังระบุด้วยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงคะแนนมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์สโมสร
