ความพ่ายแพ้ที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สะกดคำว่าชนะได้เพียงหนเดียวจาก 7 เกมหลังสุดที่ลงสนามทุกรายการ และนั้นก็ยังหมายถึงโอกาสไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแทบจะเป็นไปได้ไม่ได้อีกด้วย
หากพิจารณาจากคะแนนที่เหลืออยู่กับเกมลงสนามอีก 7 นัดก็ยังพอคิดได้ว่ามีช่องทางหรือมุมให้พลิกสถานการณ์ แต่ถ้าหากว่าลองมองไปที่ผลงานแล้วมันก็แทบจะม้วนเสื่อรอลุ้นให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
ปัญหาหลักๆที่สำคัญของทีมในช่วงที่ผ่านมานั้นก็คือการจบสกอร์ที่แทบจะไม่สามารถที่จะได้ลุ้นและสร้างความอันตรายให้คู่แข่งได้เลย แม้จะสอยตาข่าย ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้ถึง 3 ประตูแต่มันมาจากความยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ปล่อยของออกมาในเกมนั้น
ที่เหลือก็เป็นกันอย่างที่เห็นกันนั่นแหละ ถึงแม้ทางนักเตะผีแดงจะสามารถครองบอลหรือทำเกมได้ดีกว่าคู่แข่งในบางช่วงของเกม แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกม้าตายในจังหวะสุดท้ายไม่สามารถหาช่องเข้าทำหรือสร้างโอกาสจะแจ้งเล่นงานฝั่งตรงข้ามได้แบบจังๆ
ในนัดล่าสุดมันก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นแล้วว่าการจบสกอร์ได้กลายมาเป็นเรื่องที่เป็นจุดบอดและเล่นงานทีม ซึ่งมันส่งผลไปยังฟอร์มการเล่นรวมไปถึงผลการแข่งขันในช่วงที่ผ่านๆ มา
ถึงแม้ว่าทีมจะสามารถครองเกมได้ดีกว่าแต่ไม่มีโอกาสหรือเมื่อมีแล้วก็ไม่เด็ดขาดพอมันก็แทบจะไม่มีค่าอะไร แต่ในทางกลับกันทางด้านคู่แข่งขอโอกาสไม่มากแต่ทำประตูได้มันจึงเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในนัดล่าสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะออกนำในช่วงต้นเกมที่ กูดิสัน พาร์ค โดยทั้งสองจังหวะมาจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งแน่นอนว่าต้องชม จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่มาข่วยป้องกันได้ดี แต่ทางหัวหอกหมายเลข 10 ปิศาจแดง ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้โดยเฉพาะจังหวะโขกในนาทีที่ 12
รูปเกมดำเนินไปไม่ต่างจากนัดอื่นๆ ผีแดง ครองบอลเข้าทำพยายามหาช่องเล่นงาน แต่ทำไปทำมาก็กลับมาโดนประตูก่อนเหมือนเคย
จะถือเป็นคราวซวยหรือโชคชะตาขีดเขียนให้เป็นเช่นนั้น เพราะจังหวะยิงของ แอนโธนี่ กอร์ดอน มันดันไปแฉลบโดนทาง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำให้บอลเปลี่ยนทางเข้าประตู และยังเป็นการสร้างประเด็นให้กองหลังกัปตันทีมปิศาจแดงกลายเป็นตัวตลกอีกครั้ง
ที่เหลือรูปเกมก็เป็นไปอย่างที่เห็น แม้ทีมเยือนจากแมนเชสเตอร์ครองบอลมากกว่า และพยายามจะหาโอกาสในการตีเสมอ แต่ก็ทำได้แค่นั่น ไม่ได้สร้างความอันตรายหรือกดดัน พิคฟอร์ด เท่าที่ควร กลายมาเป็นภาพเดิมๆ ที่ติดตาสาวกปิศาจแดงในช่วงหลัง
ปัญหาที่แท้จริงเลย นอกเหนือจากการจบสกอร์หรือการเข้าทำในจังหวะสุดท้ายมันก็คงที่จะหนีไม่พ้นเรื่องของสภาพจิตใจของนักเตะที่ถูกกดทับอย่างหนัก สิ่งนี้คือแรงกดดันที่ค่อยๆ โถมเข้าไปสู่นักเตะ แม้การซ้อมต่างๆ ที่สโมสรเผยภาพออกมาให้เห็นยังคงมีรอยยิ้มอาบหน้าผู้เล่นปิศาจแดง แต่คงไม่มีใครรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังอาจจะมีสิ่งที่มองไม่เห็นคอยเกาะกินหรือปกคลุมสโมสรอย่างช้าๆ และตอนนี้ได้เแผ่ขยายจนหยั่งรากลึก
เท่าที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา เมื่อนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลงสนาม สีหน้าท่าทางค่อยๆ เปลี่ยนไป แน่นอนว่าทุกๆ คนต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น แต่ภายใต้สิ่งเหล่านั้นมันกลับมีเรื่องของความไม่มั่นคงและสั่นคลอนออกมาทางสายตาหรือภาษากาย
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าบรรดาขุนพลนักเตะปิศาจแดงอาจจะกำลังต่อสู้กับแรงกดดันที่กดทับพวกเขาอยู่ และมันอาจจะรวมไปถึงความคาดหวังมหาศาลที่มาจากทุกสารทิศ ซึ่งเมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปพร้อมกับผลการแข่งขันที่ไม่เป็นอย่างที่ทุกคนคาดหวังแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเพิ่มน้ำหนักกลายเป็นสิ่งที่บรรดาผู้เล่นต้องมาแบกไว้บนบ่าอย่างไม่รู้ตัว
มันเหมือนวัฏจักรที่วนเวียนไปมา จบเกมแบบน่าผิดหวังก็จะมีคนบอกให้มองไปข้างหน้า ลืมความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะเป้าหมายใหญ่ของทีมยังคงรออยู่
แต่สิ่งที่เห็นคือ ถึงจะมีการออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว นักเตะกลับไปรวมตัวฝึกซ้อมสร้างบรรยากาศที่ดีออกมา ทว่าพอถึงเวลาที่ต้องลงสนามอีกครั้งแรงกดดันและความคาดหวังที่ว่ากลับมากดทับนักเตะอยู่เรื่อยไป มันอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ผลงานออกมาซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ
นอกเหนือไปจากผลงานที่กำลังย่ำแย่ ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาดก็คือสภาพจิตใจของนักเตะที่กำลังเจอเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ภายนอกมันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญแต่ถ้าหากเกิดปล่อยไว้นานไป สิ่งนี้มันก็จะค่อยๆ เกาะกุมกัดกินความคิดนักเตะจนไม่สามารถสลัดให้หลุดพ้นไป
ปัจจัยหลักๆเลยที่จะสามารถช่วยทำให้นักเตะหลุดพ้นได้ดีที่สุดคือการที่พวกเขาสามารถเอาชนะเกมการแข่งขัน นั่นคือก้าวแรกของการปัดเป่าเมฆดำที่กำลังปกคลุมเหนือ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ก้าวต่อไปก็เป็นเรื่องยากไม่แพ้กันเพราะมันคือการยืนระยะรักษาผลงานซึ่งเป็นสิ่งที่นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามทำตลอดแต่ดูเหมือนว่ายังมีกำแพงสูงลิบให้พวกเขาทำลายหรือก้าวผ่านไป
อีกหนึ่งงานสำคัญนอกเหนือจากการกลับมาคว้าชัยให้ได้อีกครั้ง นั้นก็คือการที่ต้องมาปรับสภาพจิตใจและแนวคิดของทีมไม่ให้สั่นคลอนอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง
ถึงตรงนี้ทุกๆ คนในทีมคงกลับไปทบทวนถึงความผิดพลาดที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาทุกคนจะตระหนักและพร้อมมุ่งมั่นแก้ไขเพื่อสร้างผลงานส่งท้ายฤดูกาลให้ออกมาประทับใจบรรดาแฟนบอลให้มากที่สุด เพราะท้ายที่สุดแม้ทีมอาจจะพลาดเป้าหมายไปแต่ถ้าหากได้ทุ่มเทเต็มที่และแสดงผลงานที่ดีออกมา ดีไม่ดีแฟนบอลอาจจะให้โกรธน้อยลงกว่าเดิมก็เป็นไปได้
รูป mobetz.com, blazetrends.com, www.thairath.co.th
เนื้อข่าว m.thsport.com สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์