รวมสิ่งที่ต้อง “ทน” หากคุณเป็น “เด็กปืนใหญ่”

ข่าวฟุตบอล

“เป็นแฟนปืนต้องอดทน” คำดัดแปลงจากหนังสุดฮิตอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นแฟนบอล อาร์เซน่อล ได้ดีที่สุดแล้วในชั่วโมงนี้

จากผลงานที่ย่ำแย่มันชวนให้นึกสงสารแฟนบอลของเขายิ่งนักโดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่บุกไปพ่ายแบบหมดทางสู้ต่อ แมนฯ ซิตี้ 5-0 ภาพที่แฟนบอลเดินออกจากสนามตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรกมันบาดตา และบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขารับไม่ได้กับสิ่งที่กำลังปรากฎอยู่ตรงหน้า

ซึ่งแท้จริงมันไม่ใช่เพียงแต่การพ่ายแพ้ในเกมล่าสุดเท่านั้นที่แฟนบอล “ปืนใหญ่” ต้องอดทน แต่ยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่พวกเขาต้องจำทนเพราะหัวใจดวงนี้เลือกที่จะเชียร์ อาร์เซน่อล

ทนกับเจ้าของสโมสร

ประเด็นแรกเปิดหัวกันที่ตัวบอสใหญ่อย่าง สแตน โครเอนเก้ กันก่อนเลย โดยหนุ่มใหญ่วัย 74 ปี เข้ามาซื้อหุ้น อาร์เซน่อล เมื่อปี 2008 ก่อนที่เริ่มแพร่อำนาจครองหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะเป็นผู้ครอบครองหุ้นแบบ 100% แต่เพียงผู้เดียว

ซึ่ง ณ วันที่เป็นข่าวเชื่อว่าแฟนบอล “ปืนใหญ่” คงวาดภาพฝันกันไปต่างๆ นาๆ เพราะด้วยทรัพย์สินของเจ้าของทีมรายนี้มันมีมากมหาศาลพอที่จะเสกนักเตะดีๆ และความสำเร็จเข้ามาสู่สโมสร

แต่ทว่าความจริงกับความฝันต่างกันมากมาย เพราะการบริหารงานของ โครเอนเก้ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องของการให้วงเงินการช้อปปิ้งนักเตะมากเท่าไหร่นัก จากที่แฟนบอลคาดหวังว่า โครเอนเก้ จะสละเงินมาให้ทีมบ้างเหมือนเจ้าของทีมอื่นๆ อย่าง แมนฯ ซิตี้, เชลซี หรือ เปแอสเช เพื่อพาทีมกลับไปยืนยังจุดสูงสุดอีกครั้ง แต่กับชายชาวอเมริกาผู้นี้ไม่ได้ทำแบบนั้น

ท่าทีวันแรกที่ถือครองสโมสร กับปัจจุบันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิงกันแฟนบอล อาร์เซน่อล ทนไม่ไหว และเริ่มมีกระแสขับไล่เจ้าของทีมรายนี้ให้ขายหุ้นไปเสียที ไม่เช่นนั้นทีมต้องมีอันตกต่ำด่ำดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีข่าวว่า ดาเนียล เอ็ก ผู้ก่อตั้งแอพพลิเคชั่นอย่าง Spotify มีความสนใจอยากจะซื้อสโมสรแห่งนี้ เพราะเขาคือแฟนตัวยงของทัพ “ปืนใหญ่”

แต่ทว่า สแตน โครเอนเก้ ก็หัวยันฝาบ้านว่าไม่มีทางขายสโมสรแห่งนี้อย่างเด็ดขาด ทำให้แฟนบอล อาร์เซน่อล หัวร้อนไปกันใหญ่ เพราะนอกจากจะขี้งกแล้ว ยังทำตัวเป็นปลิงที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อจากสโมสร หวังที่จะกอบโกยอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้คิดจะพัฒนาทีมเพื่อความสำเร็จแต่อย่างใด

ทนกับการซื้อตัวนักเตะใหม่

ทนกับการซื้อตัวนักเตะใหม่

แม้ในช่วงซัมเมอร์ 2021 คราวนี้ทัพ “ปืนใหญ่” จะถลุงเงินซื้อนักเตะไปกว่า 130 ล้านปอนด์ แลกกับการคว้า 5 ตัวนักเตะอย่าง เบน ไวท์, มารติน โอเดการ์ด, อารอน แรมเดลล์, อัลเบิร์ต แซมบี โลกองก้า และ นูโน่ ตาวาเรส 

ถามว่าจำนวนที่ลงทุนไปเยอะไหม ? ตอบได้เลยว่ามาก มากจนติดระดับท็อปของทีมในพรีเมียร์ลีกที่ใช้เงินซื้อนักเตะในตลาดคราวนี้ แต่ทว่าถ้ามองในแง่ของคุณภาพดูเหมือนมันจะไม่ค่อยตอบโจทย์กับความต้องการของแฟนบอลมากเท่าไหร่นัก โอเคแหละว่า มิเกล อาร์เตต้า และเหล่าบอร์ดบริหารต้องการที่จะสร้างทีมเพื่ออนาคต แต่ทว่ากว่าจะถึงจุดนั้นควรหันมามองที่ปัจจุบันบ้างกันก่อนหรือป่าว

นอกจากนั้นมองย้อนกลับไปยังตลาดนักเตะในช่วงที่ผ่านๆ มา พวกเขาเองก็ถือว่าใช้เงินไปไม่น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เงินนั้นก็ไม่ได้มาจากกระเป๋าของท่านประธานสโมสรเท่าไหร่นัก

นักเตะอย่าง โธมัส ปาเตย์, กาเบรียล มากัลเญส, นิโกลาส์ เปเป้, วิลเลียม ซาลิบา หรือ ลูคัส ตอร์เรยร่า นักเตะเหล่านี้ถูกนำเข้ามายังสโมสรในจำนวนเงินที่ไม่น้อย แต่ทว่าส่วนใหญ่มักมีจุดจบ หรือสามารถใส่สเตตัสตามหลังชื่อได้เลยว่าล้มเหลว

ไม่ต้องมองหาใครให้อื่นไกลยกตัวอย่าง นิโกลาส์ เปเป้ ที่ทีมไปดึงมาจาก ลีลล์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2019 ด้วยค่าตัว 72 ล้านปอนด์ นับจนถึงวันนี้ดาวเตะชาวไอวอรี่โคสต์ยังไม่อาจตอบแทนเงินในราคาดังกล่าวได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เงินในจำนวนดังกล่าวมันน่าจะเป็นมากพอในการได้นักเตะที่สามารถคาดหวัง และพึ่งพาได้ยามต้องการประตู แต่กับเคสนี้บอกเลยว่ามีแต่ความไม่คุ้มค่า

ซึ่งมันไม่ใช่ เปเป้ เพียงรายเดียวที่ทีมล้มเหลวในการควักกระเป๋าลิสต์รายชื่อยังมีอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น ชโคดราน มุสตาฟี่ (41 ล้านยูโร), กรานิต ชาก้า (45 ล้านยูโร) หรือ เฮนริค มคิตาร์ยาน (34 ล้านยูโร) ก็จัดอยู่ในหมวดการซื้อตัวที่น่าผิดหวังด้วยกันทั้งสิ้น

ทนกับการไร้วี่แววคว้าแชมป์ลีก

แม้พวกเขาจะเพิ่งสอยแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองเมื่อฤดูกาล 2019-20 ซึ่งมันก็เกิดขึ้นในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า นี่แหละ และมันก็ยังดีกว่ากุนซือบางทีมที่เข้ามาก่อนแต่ยังไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ใดๆ ได้เลย

แต่ทว่าถ้ามองในภาพรวมนอกหลังจากขวบปีดังกล่าวที่พุ่งชนความสำเร็จแล้วเหมือนกราฟชีวิตของพวกเขาจะด่ำดิ่งลงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่ต้องยอมรับว่าการที่จะก้าวกลับไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 2003-04 มันตัดทิ้งออกไปจากสารบบพวกเขาได้เลย เพราะดูท่าทางพวกเขายังคงห่างไกลจากความสำเร็จตรงนั้นอยู่มาก ทั้งที่นั้นคือโทรฟี่แชมป์ที่พวกเขาได้รับอยู่เรื่อยๆ ในยุค 90 ต่อ 2000

หนำซ้ำมันคงจะไม่มากจนเกินไปถ้าจะบอกว่าพวกเขาถูกลดบทบาทจากทีมในกลุ่มท็อปโฟร์ จนเหลือสถานะเพียงทีมกลางตารางเพียงเท่านั้น เพราะถ้าวัดกันที่สถานการณ์ในช่วงหลายซีซั่นที่ผ่านมา 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมาการจบเพียงอันดับ 8 มันคือเครื่องการันตีที่ไม่อาจยกมือเถียงได้เลย

หนักไปกว่านั้นคือการจบอันดับ 8 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาส่งผลให้พวกเขาไม่ได้ไปเล่นบอลถ้วยยุโรปในซีซั่นนี้ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบนับตั้งแต่ปี 1995 ฉะนั้นในตอนนี้การที่แฟนบอลต้องทนเจ็บช้ำเห็นภาพคว้าแชมป์ในพรีเมียร์ลีกในอดีตมันค่อนข้างเป็นเหมือนเหล็กแหลมที่แทงเข้าขั้วหัวใจ เพราะสถานะของพวกเขาในวันนี้ช่างแตกต่างจากวันนั้นราวฟ้ากับเหว

ทนกับผลงานที่เหลวแหลก

สิ่งนี้เชื่อว่าแฟนบอล อาร์เซน่อล น่าจะทนปวดร้าวมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วกับการที่ต้องเสพความผิดหวังของสโมสร อย่างฤดูกาลนี้ก็ต้องหลุดวงโคจรจากถ้วยยุโรปรวมไปถึงจบอันดับ 8 ในลีกเป็นปีที่ 2 มันน่าจะเจ็บซ้ำมากพอแล้ว แต่กับการออกสตาร์ทฤดูกาล 2021-22 พวกเขาคงเหมือนอารมณ์ตายทั้งเป็น ไม่รับรู้อาการเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว

การเริ่มต้น 3 นัดแรกด้วยการพ่ายแพ้รวด เก็บไม่ได้สักคะแนน บวกกับไม่อาจเจาะตาข่ายคู่แข่งได้เลยคือเรื่องที่ชวนให้หัวใจแตกสลายมากพออยู่แล้ว แต่มันอยู่ย่ำแย่ไปด้วยการตกลงไปรั้งอันดับสุดท้ายของตารางคะแนนแบบไม่อาจปฎิเสธได้

ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่คู่กับเหล่า “กูนเนอร์” มาสักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ DNA ความเป็น “ไอ้ปืนใหญ่” ขาดหายไปอย่างไร้ร่องรอย ความกระหายที่อยากจะเป็นผู้ชนะเหมือนโดนลักพาตัวไปจนหาทางกลับบ้านไม่ถูก และที่สำคัญคือทรงบอลของพวกเขามันย่ำแย่มากเกินแฟนบอลจะรับไว้ ภาพที่เหล่ากองเชียร์เฮประชดหลังทีมโดนยิงประตูคือเครื่องการันตีชั้นยอดว่าพวกเขาไม่ไหวกับภาพที่ปรากฎตรงหน้าแล้ว

ทนกับการโดนล้อ

เสน่ห์ของกีฬาฟุตบอลนอกจากการต่อสู้บนผืนหญ้าแล้ว ก็คือการล้อเลียนเสียดสีของแฟนบอลต่อทีมคู่อรินั้นเอง และกับสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล ในช่วงที่ผ่านมาพวกเขากลายเป็นเป้าใหญ่ที่โดนโจมตีอยู่บ่อยครั้งจากเหล่าแฟนบอลทีมตรงข้ามทั้งเรื่องผลงานในสนาม, เรื่องการซื้อนักเตะ และความสำเร็จ

จนกระทั่งกับเหตุการณ์ล่าสุดเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงแปรเปลี่ยนจากเสียงล้อเลียนกลายเป็นคำว่าสงสารเสียมากกว่า เพราะผลงานของทัพ “ปืนใหญ่” การร่วงหล่นมาอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนนดูท่ามันจะเกินเยียวยากว่าจะมาล้อเล่น แซวกันเอาสนุกปากแล้ว 

ว่าแล้วเมื่อเดินทางมาถึงบรรดาสุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้แฟนบอล อาร์เซน่อล ผ่านวิกฤตอันเลวร้าย และหวังว่าทุกคนจะทดพิษบาดแผลที่สุดแสนเจ็บปวดครั้งนี้ไปได้

ข่าวบอลล่าสุด