เรียกได้ว่ามีเรื่องให้พูดถึงไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ สำหรับคนนี้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังที่มีค่าตัวระดับสถิติโลกที่ 80 ล้านปอนด์แต่มีฟอร์มการเล่นที่ไม่ได้เฟี้ยวเหมือนค่าตัวของเขา
จำได้เลยว่าตอนย้ายมาใหม่ๆ หลายๆ ฝ่ายต่างก็อวยกันยกใหญ่ว่านี่แหละคือกองหลังที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหา นี่คือเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ยุค ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่ง ความแม่นยำในการเข้าบอล และไหวพริบเยี่ยม แต่หากตัดภาพกลับมาตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? และนี่ก็คือวีรกรรมความพังของสุดยอดกองหลังค่าตัวระดับโลกที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ตั้งแต่ที่เจ้าตัวได้ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไล่ประกบ บิสซาก้า
ย้อนเวลากลับไปเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมปี 2020 นับเป็นหนึ่งในวันที่เล้วร้ายที่สุดของชีวิต แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เลยก็ว่าได้กับการโดนทัวร์ลงแบบยกใหญ่ในโลกโซเชี่ยลกับวีรกรรม “ความหมูหก” และ “ความเงอะงะ” ของตัวเอง เพราะในเกม พรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ณ ตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะเก็บ 3 คะแนนได้แบบชัวร์ๆ เพราะตอนเกมใกล้จบทาง “ปีศาจแดง” ยังคงมีประตูนำอยู่ 2-1 แต่อย่างไรก็ตามจังหวะที่ “นักบุญ” ได้ลูกตั้งเตะแน่นอนว่าหน้าที่ของผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนก็คือการประกบทีมคู่แข่ง แต่มันดันมีไอ้เจ้า แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ดันเกิดอาการหลอนไปตามติดประกบ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่เป็นนักเตะในทีมเดียวกันซะงั้น ก่อนท้ายที่สุดจะส่งผลให้ เซาธ์แฮมป์ตัน สามารถมาตามตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จจาก ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ พร้อมกับชวดทำอันดับขึ้นไปเป็นที่ 3 อย่างน่าเสียดาย
ทำเพื่อนร่วมทีมหัวแตก
หากเราย้อนเวลากลับไปในศึก เอฟเอ คัพ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอกับ เชลซี เมื่อฤดูกาล 2019-20 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ยังมิวายได้สร้างปัญหามาให้ทีมต้องปวดหัวเพิ่มอีกโดยในจังหวะที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” โยนบอลขึ้นไปข้างหน้า ทางด้านของ แม็คไกวร์ กับ เอริค ไบยี่ ก็ได้มีจังหวะที่กำลังรุมประกบ โอลิมวิเย่ร์ ชิรูด์ อยู่นั้นแต่แล้วหัวของ แม็คไกวร์ ดันไปโขกกันเองกับ ไบยี่ จนต้องล้มลงไปนอนกองกับพื้นทั้งคู่ ภาพที่ออกมาก็คืออาการของ เอริค ไบยี่ นั้นมีความน่าเป็นห่วงอยู่มากกว่า เนื่องจากใช้เวลาปฐมพยาบาลนานกว่า อีกทั้งยังมีการให้อ็อกซิเจน รวมไปถึงต้องมีการดามคอเพื่อกันการกระทบกระเทือน ตลอดจนต้องมาหามเปลออกจากจากสนามเพื่อไปรักษาตัวต่อยังโรงพยาบาล และนอนดูอาการเป็นเวลา 1 คืน ส่วนทางด้าน แม็คไกวร์ เอาปฐมพยาบาลแค่เอาผ้ามาพันที่ศีรษะและลงเล่นต่อได้ตามปกติ
ใบแดงส่งท้าย โอเล่
นับตั้งแต่ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาเฝ้าหลังบ้านให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เคยได้รับใบแดงไล่ออกจากสนามเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ว่าไอ้ครั้งเดียวของพี่แกนี่แหละที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปเยือน วัตฟอร์ด ที่ วิคาเรจ โร้ด ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เกมในนัดนี้เป็นเกมที่มีผลอย่างมากกับอนาคตว่าจะอยู่ต่อหรือจะต้องอำลาทีมรักของ โอเล กุนนาร์ โซลชา และแล้วในนาทีที่ 69 ช่วงที่ “ปีศาจแดง” เป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 1-2 ก็ดันยังมาเกิดข้อเสียเปรียบมากขึ้นไปอีกเมื่อทาง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ดันพลาดทำบอลหลุดไปเข้าทาง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ก่อนจะหัวเสียจนต้องเข้าไปตั้งใจเสียบสกัดนั่นทำให้เจ้าตัวโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป แล้วในท้ายที่สุด วัตฟอร์ด มาได้อีก 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเลยส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพ่ายแพ้ต่อ วัตฟอร์ด ไปแบบถล่มทลาย 4-1 ผลกรรมในครั้งนี้ที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้ต่อไว้ได้ส่งผลให้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ต้องตกงานในทันทีทันใดทั้งที่ก่อนหน้าดวงแข็งมานานเป็นปีๆ
ทะเลาะวิวาท
นอกจากเรื่องผลงานในสนามที่โดนวิจารณ์มาอย่างหนักไม่เว้นแต่ละวันแล้วหารู้ไม่ว่ากัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ผู้นี้ยังเคยเจอคดีทะเลาะวิวาทกับชาวบ้านชาวช่องด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2020 เมื่อนักเตะรายนี้ได้เดินทางไปพักร้อนที่ เกาะไมโคนอส ที่ประเทศกรีซ และก็ดันไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษในบาร์แห่งหนึ่งจนโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว รวมไปถึงเพื่อนและน้องชาย โจ แม็คไกวร์ ด้วยเหมือนกัน
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมคือกัปตันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมรวย ผมให้เงินคุณได้อยู่แล้ว ผมจะจ่ายให้คุณ ดังนั้นปล่อยพวกเราไปซะ” นี่คือคำพูดที่ทาง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นั่นจึงทำให้พี่แกเจอความผิดไปถึง 3 กระทงจากคดีนี้นั่นก็คือ ทำร้ายร่างกาย, ขัดขืนการจับกุม และติดสินบนเจ้าหน้าที่ มีแต่เรื่องงามหน้าๆ ทั้งนั้น
นิ้วอุดหู
อย่างที่พวกเราได้ทราบกันว่าฤดูกาล 2020-21 นับเป็นปีที่ชีวิตของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เรีกยได้ว่าตกต่ำและขาลงสุดๆ ด้วยความผิดพลาดที่เกิดแบบเดิมซ้ำๆจนเกินใจจะอดทนมันก็เลยส่งผลทำให้มีเสียงวิจารณ์มากมายถึงฟอร์มการเล่นและผลงานในสนามของเขา อย่างไรก็ตามในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ที่ อังกฤษ ไล่ถล่ม แอลเบเนีย ไป 5-0 ชื่อของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาจากการแสดงอาการดีใจหลังทำประตูได้ด้วยท่าเอานิ้วอุดหูหรือป้องหู
นั่นคงจะเป็นกริยาท่าทางที่สื่อความหมายถึงการตอบโต้และสวนกลับพวกที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวเขา ก่อนจะเกิดเป็นประเด็นดราม่าตามมาอีกมาก โดยเฉพาะพวกตำนานนักเตะดังๆ ต่างก็ออกมาพูดกันเป็นแถวว่า “นี่เป็นการกระทำที่น่าอาย นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะวันไหนคุณเกิดพลาดขึ้นมาอีก คุณจะโดนซ้ำเติมหนักกว่านี้หลายเท่า” เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจุดใหญ่ๆ ที่ทำให้ทุกๆ อิริยาบลของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ถูกทุกสายตาจับจ้องจนถึงทุกวันนี้
ผลงาน
ถ้าหากจะให้หาคำที่นิยามถึงคำว่า “ความพังพินาศ” ของชายที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็คงพูดได้ว่าไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าผลงานในสนามอีกแล้ว ความผิดพลาดต่างๆในสนามที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถหยิบยกมาพูดเป็นตอนๆ ได้ เพราะแทบจะทุกเกมที่กองหลังค่าตัวระดับโลกรายนี้ลงเล่นมันจะมีหลายจังหวะที่ชวนหงุดหงิดให้เห็นตลอดเปรียบเหมือนกับหนังที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการยืนตำแหน่งที่ผิด ทำให้การเช็คไลน์แนวรับดูเละเทะไปหมด ให้ไปตามประกบใครก็ไม่อยู่ไม่ว่าจะเจอกับทีมใหญ่หรือทีมเล็ก จู่ๆ ก็ได้กลายเป็นคนที่ความรู้สึกช้าไปแล้ว กว่าที่จะรู้ตัวอีกทีบอลก็ผ่านหน้าผ่านตัวไปแล้ว
คงบอกได้เลยว่ามีหลายเกมไม่น่าจดจำสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นการที่แพ้ให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-4, แล้วยังมาโดน ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ถลุงยับไป 5-0 กับ 2-0 ไหนจะมีเกมที่สะดุดทำแต้มหล่นอีกมาก ตลอดจน 2 นัดก่อนหน้านี้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน กับ เบิร์นลี่ย์ หากมองดูแล้วไม่ว่าจะเกมไหนๆ ก็จะมีจังหวะที่ไม่ควรเล่น ของเขาที่ถูกหยิบมาพูดถึงอยู่ตลอด
อีกทั้งยิ่งได้ชื่อว่าเป็นกัปตันทีมแล้ว แถมยังมีค่าตัวที่แพงระดับโลก เป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ แต่กลับรักษาความสมดุลไม่ได้ ยิ่งเล่นฝีเท้าและจังหวะบอลยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ ไม่เหมือนกับวันแรกๆ ที่ย้ายมาเลย และก็ยังไม่เหมือนกับที่ใครๆ เขาอวยกันว่า ‘นี่คือกองหลังที่ แมนฯยู ตามหามานาน’ ไปๆ มาๆ ชาวโซเชี่ยลกลับมองว่า ลินเดเลิฟ ก็ยังดีกว่า, เอา ไบยี่ เป็นตัวจริงเลยดีกว่า หรือไม่ก็ไปเอา โรโฮ กับ สมอลลิ่ง กลับมาก็ยังคนกว่าอีก
คุณสมบัติของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไม่มีความเหมาะสมกับการเป็นกัปตันให้ทีมใหญ่อย่าง “ปีศาจแดง” ไม่มีความพอดีกับค่าตัวที่สูงถึงระดับ 80 ล้านปอนด์ และกระแสที่ทุกๆ คนโหมหนักเรื่องการสั่งริบปลอกแขน หรือแนะนำให้สโมสรจัดการขายๆ พี่แกทิ้งไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดูใจร้ายใจดำจนเกินไปจริงๆ
ที่แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะจากสิ่งที่พบเจอในทุกวันนี้ก็เกินใจจะอดทนจริงๆ เราอาจจะชอบส่ายหัวและหัวเราะเยาะ ฟิล โจนส์ เหมือนเป็นตัวตลกกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ไปๆ มาๆ ในตอนนี้เราเองนั้นแหละที่ชักไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างเขากับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ อาการของใครสาหัสกว่ากัน ?
รูป www.90min.com, clubmanunited.com, www.footballaddrict.com
เนื้อข้าว www.khobsanam.com