หากพูดถึงการ “แยกทาง” เพื่อเริ่มต้นใหม่ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครก็ตาม แต่ในอีกหลายๆครั้งมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทุกฝ่าย นั่นคือบทสรุปหลังการสวมคอนเวิร์ส “ทางใครทางมัน” ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
โอบาเมย็อง เคยเป็นกำลังสำคัญของ อาร์เซน่อล นับตั้งแต่ที่ตัวเขาได้ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเดือนมกราคม ปี 2018 ซึ่งเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ อาร์แซน เวนเกอร์ เลือกที่จะดึงมาร่วมทีมก่อนวางมือในช่วงซัมเมอร์
หัวหอกทีมชาติกาบองได้กลายมาเป็นตัวความหวังอันดับหนึ่งในแนวรุกทันที ตัวเขาสามารถที่จะทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามก่อนกระหน่ำไปทั้งหมด 92 ประตู กับอีก 21 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 163 นัดในทุกรายการ
ในฤดูกาล 2018/19 ที่เล่นเต็มฤดูกาลและนั้นยังเป็นฤดูกาลแรกที่ โอบาเมย็อง ได้ครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมของพรีเมียร์ลีกที่ 22 ประตู และยิงอีก 22 ประตูในฤดูกาลต่อมาที่เข้าอันดับสองของดาวซัลโว เป็นรองแค่เพียง เจมี่ วาร์ดี้ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ คนเดียวและแค่ประตูเดียวเท่านั้น
ด้วยความสามารถที่เป็นทำประตูสูงสุดของทีมสองฤดูกาลติดต่อกัน บวกกับที่เขายังพาทีมได้แชมป์เอฟเอ คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อาร์เซน่อล จึงต่อสัญญาฉบับใหม่กับ โอบาเมย็อง พร้อมรับค่าเหนื่อยไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์
ทว่าหลังต่อสัญญา ผลงานโดยรวมของอดีตดาวยิงเสือเหลืองก็ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้ แต่นั่นก็เท่ากับปัญหาระเบียบวินัยที่มีข่าวไม่ดีออกมาเป็นระยะจนกระทั่งถูกจุดแตกหักในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ก่อนเกมที่จะพบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในนัดที่ 16 ของฤดูกาล โอบาเมย็อง ได้ถูกดร็อปออกจากทีมอีกครั้งด้วยเหตุที่ มิเกล อาร์เตต้า ระบุว่า “ระเบียบวินัย” ก่อนที่อีก 3 วันต่อมาจะถูกริบปลอกแขนกัปตันทีม
โอบาเมย็อง ก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล อีกเลยนับตั้งแต่ลงเป็นสำรองในเกมพ่ายต่อ เอฟเวอร์ตัน 1-2 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม
สุดท้ายทาง อาร์เซน่อล ก็ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญาที่เหลืออีกราวหนึ่งปีครึ่งเพื่อเปิดทางให้ โอบาเมย็อง สามารถย้ายออกจากทีมแบบไร้ค่าตัวในตลาดหน้าหนาว
การตัดสินครั้งนี้ยังส่งผลดีต่อทีมปืนใหญ่ในเรื่องการเงินที่ช่วยลดภาระค่าเหนื่อยลงได้มหาศาล ส่วนผลกระทบในสนามคือสิ่งที่ยังต้องดูกันใน “ระยะยาว”
ทว่าในเบื้องต้น อาร์เซน่อล ที่ไม่มี โอบาเมย็อง กับ โอบาเมย็อง ที่ได้ไปเริ่มต้นใหม่กับ บาร์เซโลน่า ทั้งสองต่างก็มีชีวิตใหม่ที่ราบรื่นกว่าที่คาดกันเอาไว้
อาร์เตต้า เลือกดัน อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ปักหลักในตำแหน่งหน้าเป้า หลังจากก่อนหน้านี้ที่ต้องมานั่งสำรองบ่อยครั้งช่วงที่ยังมี โอบาเมย็อง อยู่ในทีม
นับตั้งแต่ไม่มี โอบาเมย็อง ในทีม อาร์เซน่อล มีช่วงที่โกยคะแนนได้มากสุดของฤดูกาลที่ 31 คะแนนจาก 39 คะแนนในลีกจนถึงช่วงเบรกทีมชาติรอบนี้
“ปืนใหญ่” สามารถชนะได้ 10 นัด แต่ดันหลุดเสมอ เบิร์นลีย์ หนึ่งนัด และหลุดไปอีก 2 นัดที่แพ้คือการแพ้ต่อทีมลุ้นแชมป์ทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งหากใครได้ดูเกมก็คงเห็นว่า อาร์เซน่อล เล่นได้ดีมากแล้วในสองนัดนี้ แต่ขาดความรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ต้องแพ้ไป
ในภาพรวมของทีมหลังยุค โอบาเมย็อง อาร์เซน่อล อาจจะพูดได้เลยว่าดูดีขึ้นมาก และไม่เพียงแค่คะแนนที่ทำได้เป็นกอบเป็นกำจนยึดอันดับ 4 ในตารางเท่านั้น แต่สถิติอื่นๆ ก็ดีขึ้น
โอกาสลุ้นทำประตูต่อนัด, ประตูเฉลี่ยต่อนัด, ยิงเข้ากรอบเฉลี่ยต่อนัด, สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง และการครองบอลต่อนัดล้วนดีขึ้นทั้งหมด
แม้จะไม่ได้กองหน้ารายใหม่กับความพยายามดึงตัว ดูซาน วลาโฮวิช ให้มาร่วมทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวแล้วนั้น แต่ทาง อาร์เซน่อล ภายใต้การนำของ อาร์เตต้า ก็ยังคงที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และมีโอกาสสูงมากที่จะไปถึงเป้าหมายคว้าตั๋วกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
เช่นเดียวกับชีวิตใหม่ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
โอบาเมย็อง ได้ก้าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในแนวรุก บาร์ซ่า ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ ในทันที
ตัวเขานั้นสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้รวดเร็วและทำประตูต่อเนื่องซึ่งรวมถึงการทำแฮตทริกในลา ลีกา นัดแรกที่ลงตัวจริงในเกมพาทีมบุกชนะ บาเลนเซีย 4-1
ดาวยิงวัย 32 ปีรายนี้ ได้มีส่วนร่วมถึง 10 ประตูจากทั้งหมด 11 นัดที่เขาได้ลงเล่นให้ยอดทีมแห่งแดนกระทิงดุ พาทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศยูโรปา ลีก และอยู่ในสถานการณ์ที่ดีสำหรับการจบท็อปโฟร์ไม่ต่างจาก อาร์เซน่อล
แฟนบอลปืนใหญ่หลายคนย่อมเสียดายความสามารถและศักยภาพของ โอบาเมย็อง โดยเฉพาะเมื่อเขานั้นสามารถทำผลงานยอดเยี่ยมกับ บาร์เซโลน่า ในเวลานี้
เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรดังและแฟนตัวยงของทีมถึงขนาดตามล้างตามเช็ด อาร์เตต้า ไม่เลิกว่า “ไม่ฉลาด” และใช้งาน โอบาเมย็อง ไม่เป็น แถมยังปล่อยออกจากทีมอีก
ในทางมุมมองของ มอร์แกน เลือกมองฝั่งเดียวทั้งที่ความเป็นจริงมันได้สะท้อนอยู่ในสนามแล้วว่า อาร์เซน่อล ยังคง “ไปต่อ” ได้หลังแยกทาง โอบาเมย็อง อย่างน้อยทีมพวกเขาก็ยังสามรถยืนระยะได้อย่างดีจนถึงตอนนี้ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม
หาก โอบาเมย็อง อยู่ต่อ มันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะมาการันตีได้เลยว่าเขาจะกลับมาฟอร์มเปรี้ยงเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ อาร์เซน่อล ที่อาจไม่ชนะได้ถึง 10 จาก 13 นัดหลังสุดในลีก
เมื่อทุกอย่างตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป อาจมีบางครั้งที่ตะกุกตะกัก แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ไม่เสียเวลามองย้อนกลับมาข้างหลัง
ไม่จำเป็นต้องเลือกข้างเพื่อผลักไสให้อีกฝ่ายเป็นคนผิดเสมอไป แต่จงเลือกมองในมุมบวกและยินดีกับอีกฝ่ายในทุกครั้งที่ทำได้ดีและประสบความสำเร็จ
รูป www.thairath.co.th, www.premierleague.com, www.sportingnews.com
เนื้อข่าว m.thsport.com เว็บสล็อต