แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คงต้องบอกว่าแพ้อีกแล้วนะครับ แม้ว่าทางทีมจะต้องการ 3 แต้มสำคัญเป็นอย่างยิ่งก็ตาม
เท่ากับว่า 5 นัดล่าสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว เสมอ 1 นัด และปราชัย 3 นัด ยิงได้เพียง 5 ประตู โดนไปไม่มาก แค่ 11 ดอกเท่านั้นเอง
1. หลังจากที่ตัวเขานั้นกลายเป็น ‘ตัวตลก’ อย่างสมบูรณ์แบบ ลงเล่นเมื่อไหร่ความบรรลัยมาเยือนเมื่อนั้นจนบ้านเกือบบึ้มส์ เพราะถูกขู่วางระเบิด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จึงได้ถูกจับไปนั่งอยู่อยู่ข้างสนาม อีกทั้งทาง ราฟาแอล วาราน ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาพอดีได้ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฯ คู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ
แดนกลางที่ไม่มี ปอล ป๊อกบา ที่ปิดเทอมล่วงหน้าเรียบร้อย แต่ได้ สก๊อตต์ แม็คทอมิเนย์ กลับมายืนเป็นตัวรับคู่กับ เนมานย่า มาติช ในขณะที่ เฟร็ด ยังไม่ยอมหายป่วยหน้าแข้ง ส่วนกองหน้าต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ในระบบ 4-2-3-1 เป้าหมายเดียวที่ทีมต้องการคือบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล ให้จงได้ เพื่อที่จะมีโอกาสลุ้นติดท๊อปโฟร์
2. เราอาจจะยังไม่ทันได้เห็นรูปแบบการเล่นของปีศาจแดงเลย เพราะยังไม่ทันพ้นช่วง 5 นาทีแรกก็โดนทาง ปืนใหญ่ ทะลวงตาข่ายอีกแล้ว และปัญหาที่เกิดขึ้นก็เรื่องเดิมๆ คือไม่ระมัดระวัง และหละหลวม รวมถึงแสดงความผิดพลาดออกมาง่ายๆ
ถ้าจะพูดกันตรงๆ ราฟาแอล วาราน ไม่ควรที่จะสกัดพลาดแบบนั้นเลย เพราะมันไม่ได้ยากอะไรเลย ดันกะจังหวะผิดซะอย่างนั้น ตัวแรกพลาด ตัวที่ 2 อย่าง อเล็กซ์ เตลลิส ก็ช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้
ประตู 2-0 ก็มาเสียแบบง่ายไปหน่อย แม้จะเป็นจังหวะล้ำหน้า ก็ไม่ควรปล่อยให้คู่แข่งหาจังหวะจบจากการทำหมูหกแบบนั้น และถึง VAR จะตรวจพบว่าล้ำหน้า แต่ก็ไม่รอดพ้นการเสียจุดโทษอยู่ดี
ต่อให้ไม่มีกัปตันทีมหัวแตงโม ก็ดูเหมือนว่าเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ในเมื่อมิดฟิลด์ตัวรับเบรคเกมคู่ต่อสู้ไม่อยู่ แผงหลังทั้ง 4 คน เรียนตามตรงว่าอ่อนหัด พร้อมโดนทะลวงตลอดเวลา หากจะหาวิธีแก้ก็คือยกเครื่องใหม่ทั้งหมด !!!
3. ทาง อาร์เซน่อล เองก็ใช่ว่าจะโชว์ฟอร์มดีตลอดทั้งเกม แถมเกมรับออกอาการให้เห็นเป็นเป็นระยะ เวลาถูกบีบถูกกดก็มีอาการเป๋เหมือนกัน กองหลังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แถมมักจะพลาดแบบไม่น่าพลาด แต่ความแตกต่างคือเวลา แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความผิดพลาดออกมา คู่แข่งมักจะฉกฉวยความผิดพลาดด้วยการเปลี่ยนเป็นประตูได้เสมอ กลับกันเวลาคู่แข่งพลาดบ้าง ผู้เล่นพันธุ์อสูรก็ไม่สามารถฉวยเอาความผิดพลาดของคู่แข่งมาทำประตูได้ เมื่อนายทวารทีมปืนโตอย่าง อารอน แรมส์เดล เตะพลาดแบบน่าเกลียด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทำประตูไม่ได้ เมื่อกองหลังทีมปืนโตทำแฮนด์บอลในเขตโทษ เสียจุดโทษแบบไม่น่าเสีย บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็ยังอุตส่าห์สังหารจุดโทษไปชนเสาอีก
แทนที่จะตีเสมอเป็น 2-2 พร้อม ‘โมเมนตั้ม’ ที่เป็นของตัวเอง ความไม่ละเอียดในการเล่นของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กลับยังทำให้ถูกทาง อาร์เซน่อล ทิ้งห่างเป็น 3-1
4. จริงๆ การศึกครั้งนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ถึงกับโชว์ฟอร์มห่วยแตกแบบว่าสู้ไม่ได้เลย การครองบอลอาจจะเป็นรองก็จริง แต่จังหวะเข้าทำไม่ได้เป็นรอง ปีก 2 ข้างใช้ความเร็วและคล่องเล่นงานฟูลแบ็คของเจ้าถิ่นจนเอาไม่อยู่ เกมรุกก็สามารถสร้างความกดดันให้เกมรับคู่แข่งเป็นระยะ เรียกว่าพอมีทรงนั่นแหละ แต่ซวย ย้ำอีกครั้งว่า…ซวย
ดิโอโก้ ดาโลต์ ซัดไปชนคาน 1 ครั้ง ชนเสา 1 ครั้ง
ขนาดได้ยิงจุดโทษ ‘เสา’ ก็ยังช่วยชีวิต อาร์เซน่อล อีก
จุดโทษที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะได้ ตั้งแต่ครึ่งแรกจากการทำแฮนด์บอลแบ็คขวาของทีมปืนใหญ่ก็ถูกหมางเมิน
5. ไม่ขอวิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินทั้ง ‘ข้างล่าง’ และ ‘ข้างบน’ นะครับ เพราะแสดงความเห็นไปก็คงถูกค่อนขอดจากพวกลูกคุณนายช่างแซะเสียเปล่าๆ เอาเป็นว่าเหมาะสมตามมาตรฐานผู้ตัดสิน เมด อิน อิงแลนด์ แล้วกัน และที่สำคัญ อาร์เซน่อล ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสมควรเป็นผู้ชนะมากกว่าจริงๆ
หากจะมองถึงในสิ่งดีๆ ที่พอมองเห็นจาก แมนฯ ยูไนเต็ด บ้างก็คือฟอร์มการเล่นและสภาพจิตใจของ ‘พี่โด้’ หลังความเศร้าโศกเรื่องลูกแฝด ว่าแล้วก็เสียดาย ถ้า ราล์ฟ รังนิค ยังคงให้ดาวเตะวัย 37 ขวบผู้นี้เป็นเพชฌฆาตสังหารจุดโทษตีนวางอันดับ 1 ประจำทีม บางที แมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่แพ้…ก็..เป็น..ได้
นี่แหละที่เรียกว่าคราวซวย อะไรๆ มันก็เลยผิดพลาดและผิดจังหวะไปหมด…เฮ่อออ !!!
รูป www.thairath.co.th, www.pptvhd36.com, www.thairath.co.th
เนื้อข่าว www.siamsport.co.th