ในรายการฟุตบอลแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในสายตาคนทั่วไปนี้คือรายการที่ไม่ได้รับความสนใจและยังเป็นบอลถ้วยที่แฟนบอลแต่ละสโมสรไม่ค่อยสบอารมณ์อีกด้วย เพราะว่ามักจะจัดกันในช่วงเดือนมกราคมซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของการลุ้นแชมป์อีกต่างหาก ลิเวอร์พูล เองก็ได้รับผลกระทบจากการแข่งรายการนี้ทุกครั้ง เนื่องจากสตาร์ตัวรุกประจำทีมอย่าง ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาล่าห์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญของชาติ ต้องหายหน้าหายตากลับไปรับใช้ชาติในช่วงนี้เป็นประจำ
แต่ถ้ามองกลับกันในมุมมองของตัวนักเตะเอง ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นรายการที่สำคัญสุด ๆ ซึ่งตัวพวกเขาก็เต็มใจที่จะไปรับใช้ชาติและมุ่งหวังที่จะคว้าแชมป์รายการนี้มาให้ได้ เพราะมันคือการประกาศศักดาของเจ้าทวีปที่คนทั้งประเทศจะเก็บเกี่ยวความสุขนี้ไว้อย่างเต็มรักแม้สถานการณ์ในประเทศจะย่ำแย่หรือเลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม ฟุตบอลเลยอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่มอบความสุขให้กับพวกเขาได้โดยไม่ต้องเสียเงินเลยสักเพนนีเดียว
ซาล่าห์ จึงให้ความสำคัญกับถ้วยนี้มากเพราะตัวเขาเองรู้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหนกับคนในชาติ
ย้อนอดีตกันสักนิด ซาล่าห์ เกิดที่เมืองนากริก ปี 1992 โดยตัวเขาเองนั้นมาจากครอบครัวที่แสนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยเลยอะไร ทุกวันก็ต้องนั่งรถเมล์เกือบ ๆ 4 ชั่วโมงเพื่อที่จะไปซ้อมบอล ก่อนจะได้รับโอกาสสานฝันของตัวเองด้วยการย้ายมาอยู่กับ อัล โมเกาลูน เมื่ออายุ 14 ปี
ซาล่าห์ เริ่มมีชื่อเสียงที่อียิปต์ตั้งแต่อายุ 19 และได้ย้ายไปค่าแข้งกับ บาเซิ่ล ในปี 2012 ก่อนจะไปร่ายมนต์พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 ครั้งอีกทั้งยังยิงประตู เชลซี ในแชมเปี้ยนส์ ลีค ได้อย่างสวยงาม จนสุดท้ายก็ได้ถูกสิงห์บลูส์ดึงตัวไปร่วมทัพด้วยค่าตัวถึง 16 ล้านปอนด์
แม้นักเตะรายนี้จะไปได้ไม่สวยงามมากนักกับ เชลซี เนื่องจากทางทีมมีสตาร์ดังล้นทีมในทุกตำแหน่ง ซาล่าห์ จึงได้ถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับทาง ฟิออเรนติน่า เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจอยู่ 1 ปี ต่อด้วยทาง โรม่า ก่อนที่ตัวเขานั้นจะถูกขายขาดให้หมาป่าแห่งกรุงโรมในปี 2016 และได้มีโอกาสกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งที่อังกฤษด้วยการย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล และพาตัวเองขึ้นไปอยู่ระดับโลกได้อย่างไร้ข้อกังขา
ในอดีตมีนักเตะจากดินแดนไอยคุปต์ที่เป็นระดับโลกจริง ๆ แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ อย่างเก่งและเคยประสบความสำเร็จมากสุดก็แค่ได้เข้ามาเล่นในยุโรป โดยมี อาเหม็ด ฮอสซัม มิโด้ ที่อยู่กับ อาแจ๊กซ์ และ สเปอร์ส, โมฮาเหม็ด ซีดาน ในบุนเดสลีกา และใกล้เข้ามาอีกหน่อยก็เป็น อาเมอร์ ซากี้ ที่เคยอยู่กับ วีแกน เท่านั้น แต่กับ โม ซาล่าห์ เขาอยู่ในระดับที่เหนือไปกว่านั้นหลายระดับ ไม่ใช่แค่ผลงานที่เขาทำได้ 148 ประตูกับ 56 แอสซิสต์ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล หรือเพียงแค่ผลงานทีมชาติที่ยิงได้ถึง 44 ประตูจากการลงเล่น 75 เกม ที่ทำให้ ซาล่าห์ กลายเป็นตำนานของฟุตบอลอิยีปต์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากกว่านั้นก็คือเขาสามารถสร้างแรงกระเพื่อมต่อคนในชาติอย่างที่ไม่มีมครคาดถึง
อียิปต์ เป็นประเทศที่มีความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2011 หลังจากการถูกโค่นอำนาจของ ฮอสนี่ มูบารัค โดยตลอดช่วงเวลานับตั้งแต่นั้น อียิปต์มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการประท้วง, รัฐประหาร, ความขัดแย้งจากกลุ่มไอเอส ซึ่งทุกอย่างส่งผลมายังเศรษฐกิจของประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น ความมีอิทธิพลของ ซาล่าห์ ในฐานะนักฟุตบอลจึงเป็นแหล่งความสุขชิ้นใหญ่ที่ทำให้คนในชาติได้มีรอยยิ้ม เขาได้กลายมาเป็นไอคอนคนสำคัญที่เด็กในประเทศอยากเดินรอยตาม
ซาล่าห์ เคยรับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญต่อต้านยาเสพติดที่บ้านเกิด ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ได้เปิดตัวไม่นาน ก็มีคนโทรเข้ามาที่สายด่วนบำบัดผู้ติดยามากมายชนิดที่เป็นปรากฏการณ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในแง่มุมของการเป็นมุสลิม ซาล่าห์ วางตัวได้ดีมากในฐานะนักเตะมุสลิมบนแผ่นดินที่หลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างยุโรป เขาสร้่างภาพลักษณ์การเป็นชาวมุสลิมที่ดีให้ทุกคนเห็น ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย และที่ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งที่เขาทำยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจต่อเด็กในอียิปต์ทุกอย่าง
รองเท้าของ ซาล่าห์ ได้ถูกนำไปวางในพิพิธภัณฑ์บริติช โดยถูกจัดวางในส่วนของอียิปต์โบราณ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ทางพิพิธภัณฑ์นำมาจัดแสดงด้วยนั้น เขาได้ระบุว่าเป็นเพราะ ซาล่าห์ คือสัญลักษณ์สำคัญของอียิปต์ยุคใหม่ เป็นตัวแทนประเทศที่ทำให้คนทางฝั่งยุโรปได้รู้จักคนอียิปต์ในมุมมองอื่นมากขึ้น นอกเหนือไปจากปีระมิดกับฟาโรห์ อีกทั้งในปี 2019 นิตยสาร ไทมส์ ยังได้เลือกให้ ซาล่าห์ เป็นนักกีฬาผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกในปี 2019 อีกด้วย
ถ้าหาก จอห์น บาร์นส์ เคยสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ต่อวงการฟุตบอลในเรื่องคนผิวสีแล้ว ในวันนี้ โม ซาล่าห์ ก็คืออีกหนึ่งคนที่สร้างปรากฏการณ์ของแข้งมุสลิม ผู้ที่สามารถเปลี่ยนมุมมองของคนยุโรปให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
นอกเหนือจากฟุตบอลแล้ว สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตอบเราได้อย่างชัดเจนเลยว่า ทำไม โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ถึงยิ่งใหญ่และเป็น คิง ออฟ อียิปต์ อย่างในทุกวันนี้
รูป www.arabnews.com, m.dw.com, thailand.liverpoolfc.com
เนื้อข่าว m.thsport.com