วิเคราะห์-วิจารณ์ ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด-ลิเวอร์พูล / วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564

manu vs liverpool fa cup

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564

(1/พรีเมียร์ลีก) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด-ลิเวอร์พูล (4/พรีเมียร์ลีก)

สนาม :  โอลด์ แทรฟฟอร์ด เวลา : 00.00 น.



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ผลงาน 5 นัดหลัง

ชนะ ฟูแล่ม                             2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

เสมอ ลิเวอร์พูล                      0-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

ชนะ เบิร์นลี่ย์                          1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

ชนะ วัตฟอร์ด                         1-0 (เหย้า) เอฟเอ คัพ

แพ้ แมนฯ ซิตี้                          0-2 (เหย้า)  ลีก คัพ

สภาพทีม

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมบุกไปชนะ ฟูแล่ม แบบหืดจับ 2-1 ในนัดล่าสุด เกมนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนบางจุดเพื่อรักษาความสดหลังเจอเกมถี่่ แต่ยังคงตัวหลักอย่าง ปอล ป็อกบา เมสัน , บรูโน แฟร์นานเดส,เอดิสัน คาวานี่ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เอาไว้ มาร์คัส แรชฟอร์ด คาดว่าจะได้กลับมายืนในแนวรุก เนมานย่า มาติช,สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ พร้อมถูกเรียกเป็น 11 คนแรกเช่นกัน ขณะที่ ดีน เฮนเดอร์สัน มีโอกาสได้ลงเฝ้าเสา รวมไปถึง อเล็กซ์ เตลลิส ที่อาจได้ลงยืนแบ๊กซ้าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน ; อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส ; สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เนมานย่า มาติช ; มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน แฟร์นานเดส, ปอล ป็อกบา; เอดิสัน คาวานี่



ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 นัดหลัง

แพ้ เบิร์นลี่ย์                            0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก        

เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ชนะ แอสตัน วิลล่า                4-1 (เยือน) เอฟเอ คัพ

แพ้ เซาแธมป์ตัน                    0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

เสมอ นิวคาสเซิ่ล                   0-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

Manchester United’s Bruno Fernandes fights for the ball with Liverpool’s Mohamed Salah, left, during the English Premier League soccer match between Liverpool and Manchester United at Anfield Stadium, Liverpool, England, Sunday, Jan. 17, 2021. (Phil Noble/Pool via AP)

สภาพทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมล่าสุดพลิกล็อกแพ้ เบิร์นลี่ย์ คาบ้านตัวเอง 0-1 สถานการณ์ในทีมวันนี้ยังคงไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา ด้าน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่เปลี่ยนลงครึ่งหลังในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ จะได้กลับมาเป็นตัวจริง ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ อาจได้พักและเป็น ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ได้โอกาสแทน

อย่างไรก็ตาม โจเอล มาติป ปราการหลังแม้กลับคืนทีมได้แล้ว แต่ต้องดูว่าจะได้ลงเล่นอีกครั้งหรือไม่ ในรายของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์,เจมส์ มิลเนอร์,เนโก วิลเลี่ยมส์  และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด–แชมเบอร์เลน หวังได้โอกาสเล่นในบอลถ้วยเช่นกัน  ส่วนพวกที่เจ็บยังเป็น นาบี้ เกอิต้า,โจ โกเมซ,ดีเอโก้ โชต้า และ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ยังเจ็บเหมือนเดิม

 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เนโก วิลเลี่ยมส์, โจเอล มาติป, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, ติอาโก้ อัลคันทาร่า; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ทาคุมิ มินามิโนะ



ความน่าจะเป็นของเกม

เป็นเกมแดงเดือด 2 นัด ในรอบ 7 วัน โดยในถ้วยใบนี้พบกันมาแล้ว ทั้งหมด 17 นัด (รวมสมัย นิวตันฮีท) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 9 นัด ลิเวอร์พูลชนะ 4 นัด เสมอ 4 นัด และจากสถิติ7 นัดทีผ่านมาที่ “ปิศาจแดง” เล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในการพบ “หงส์แดง” ไม่เคยแพ้ เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทรงบอลดูดีกว่า รวมทั้งขุมกำลังในแดนกลางยันหน้าเหนือกว่าด้วย แม้โอกาสจะเป็นไปได้ทั้งสามหน้าก็จริง แต่หากเลือกผู้ชนะอิงลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีลุ้นกว่า



สกอร์ที่คาด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 1-0

credit. ดัมมี่ออนไลน์

ข่าวบอลล่าสุด