วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564
(1) แมนเชสเตอร์ ซิตี้-ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ (8)
สนาม : เอติฮัต สเตเดี้ยม เวลา : 00.30 น.
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 นัดหลัง
ชนะ สวอนซี 3-1 (เยือน) เอฟเอ คัพ
ชนะ ลิเวอร์พูล 4-1 (เยือน)พรีเมียร์ลีก
ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
ชนะ เวสต์บรอมวิช 5-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
— Manchester City (@ManCity) February 12, 2021
สภาพทีม
เป๊ป กวาดิโอล่า พาทีมเข้ารอบ 8 เกมเอฟเอ คัพ หลังบุกไปชนะ สวอนซี 3-1 โดยนัดนี้จะมีการโรเตชั่นโดยเฉพาะแผงหลัง เอแดร์ซอน โมราเอส ลงเฝ้าเสา แบ็คโฟร์กลับมาใช้ตัวจริง ชูเอา กันเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แดนกลาง แบร์นาโด้ ซิลวา และ โรดรี้ จะเชื่อมเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกัน ที่ฟอร์มกำลังโดดเด่น เกมรุกยังเป็น รา
ฮีม สเตอร์ลิง เหมือนในเกมบอลถ้วยต่อไป โดยมี ริยาด มาห์เรซ กับ ฟิล โฟเด้น ลงขนามเกมทั้งสองข้าง ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางตัวเก่งยังเจ็บ รวมทั้ง นาธาน อเก้ ยังคืนทีมไม่ได้ ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้ามากประสบการณ์เพิ่งกลับมาจากกักตัวหลังติดโควิด แม้ลงซ้อมได้แล้วแต่ต้องดูในเรื่องความฟิต
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส ; ชูเอา กันเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ; แบร์นาโด้ ซิลวา, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน ; ริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
ผลงาน 5 นัดหลัง
แพ้ เอฟเวอร์ตัน 4-5 (เยือน,ต่อเวลาพิเศษ) เอฟเอ คัพ
ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
แพ้ เชลซี 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
แพ้ ไบรท์ตัน 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
Favourite moment against Man City over the years? #THFC ⚪️ #COYS pic.twitter.com/a50aE3V1TO
— Tottenham Hotspur (@SpursOfficial) February 12, 2021
สภาพทีม
โจเซ่ มูรินโญ่ จะมีการหมุนเวียนผู้เล่นหลังเจอเกม 120 นาทีในเอฟเอ คัพ และทีมต้องร่วงตกรอบ ด้วยการแพ้ เอฟเวอร์ตัน 4-5 เดเล่ อัลลี่,แกเร็ธ เบล และ โจวานนี่ โล เซลโซ่ สามตัวรุกยังเจ็บ เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ เรกีล่อน แบ๊กซ้ายจอมบุกที่ยังคืนทีมไม่ได้ ขณะที่เกมรุก แฮร์รี่ เคน จะกลับมาเป็นตัวจริง พร้อมกับจะถ่าง ซน เฮือง มิน ไปเล่นขนาบข้างเหมือนเดิม แดนกลาง มุ
สซ่า ซิสโซโก้ และ แฮร์รี่ วิงค์ส ลุ้นเบียดพื้นที่แดนกลางจาก ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบียร์ก และ ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ ที่เจอเกมลากยาวเมื่อกลางสัปดาห์ แซร์ช โอริเย่ร์ วิงแบ๊กขวา ที่ไม่มีชื่อในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เกมนี้น่าจะผ่านความฟิต
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สเปอร์ส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส ; แซร์ช โอริเย่ร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เอริก ดายเออร์, เบน เดวิส ; ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบียร์ก, แฮร์รี่ วิงค์ส ; ลูคัส มูร่า, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่, ซน ฮึง-มิน ; แฮร์รี่ เคน
ความน่าจะเป็นของเกม
เป็นการเจอนัดที่ 163 ของทั้งสองทีมในทุกรายการซึ่งท้ั้งคู่คว้าชัยชนะมา 63 ครั้งเท่ากัน และในจำนวนนั้นเป็นการเสมอ 36 นัด “เรือใบสีฟ้า” ฟอร์มสุดร้อนแรงกลายเป็นทีมแรกในอังกฤษที่สร้างสถิติชนะรวด 15 เกมหลังในทุกรายการ และเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” 5 เกมหลังทุกรายการคว้าชัยได้เกมเดียวที่เหลืออีก 4 เกมแพ้ทั้งหมด แม้สถิติ 3 เกมหลังที่พบกัน สเปอร์ส ไม่แพ้ และเกมแรกที่เจอกันของฤดูกาล สามารถคว้าชัย 2-0 แต่เวลานี้ต้องยอมรับว่าลูกทีมของ เป๊ป กวาดโอล่า ลงตัวในทุกพื้นที่ ซึ่งสวนทางกับเด็กๆ ของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ผลงาน 3 วันดี 4 วันไข้ เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ หากเจาะได้เร็วมีสิทธิ์เผาแนวรับ สเปอร์ส พร้อมถอนแค้นเก็บชัยชนะเป็นเกมที่ 16 ติดต่อในทุกรายการได้และนำจ่าฝูงยาวๆ ต่อไป
สกอร์ที่คาด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 2-0